blog

ที่ดินเสมือนจริงคืออะไร? ทำไมถึงขายกันได้ราคาแพง?

คุณเคยนึกภาพตัวเองเดินอยู่ในโลกเสมือนที่มีบ้านของคุณเอง ร้านค้า หรือหอศิลป์ที่คนทั่วโลกสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ไหม? นั่นคือที่ดินเสมือนจริง - พื้นที่ดิจิทัลที่คุณเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่การเล่นเกม แต่เป็นทรัพย์สินที่จับต้องได้ในรูปแบบ NFT บนบล็อกเชน Ethereum

ใน Decentraland และ The Sandbox ที่ดินแต่ละผืนถูกแบ่งเป็นพาร์เซลเล็กๆ ที่คุณสามารถซื้อ ขาย หรือพัฒนาได้เหมือนที่ดินจริง แต่ต่างกันตรงที่คุณไม่ต้องจ่ายภาษีที่ดิน ไม่ต้องกังวลเรื่องการก่อสร้าง แต่ต้องจ่ายค่าแก๊ส (gas fee) ทุกครั้งที่ทำธุรกรรม

เมื่อปี 2021 ที่ดินใน Decentraland ถูกขายได้ถึง 900,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใน The Sandbox หนึ่งผืนดินขายได้ 4.3 ล้านดอลลาร์ แต่วันนี้ (พฤศจิกายน 2025) ราคาได้ปรับตัวลงอย่างมาก ที่ดินเล็กๆ ที่สุดใน Decentraland อยู่ที่ประมาณ 4,100 ดอลลาร์ และใน The Sandbox อยู่ที่ประมาณ 1,500 ดอลลาร์ นั่นไม่ได้หมายความว่ามันไร้ค่า - มันแค่เปลี่ยนจากตลาดการพนัน มาเป็นตลาดของผู้สร้างและธุรกิจจริง

Decentraland กับ The Sandbox: ต่างกันยังไง?

ทั้งสองแพลตฟอร์มใช้ Ethereum แต่มีแนวทางต่างกันอย่างชัดเจน

Decentraland ถูกออกแบบมาให้เป็นเมืองดิจิทัลที่ควบคุมโดยชุมชน ผู้ถือที่ดินและโทเค็น MANA สามารถลงคะแนนเสียงเพื่อเปลี่ยนกฏของโลกเสมือนนี้ ไม่มีบริษัทใดควบคุมทั้งหมด นี่คือจุดแข็งหลัก - ความเป็นอิสระ แต่ก็หมายความว่าการพัฒนาช้ากว่า เพราะต้องรอการลงคะแนน

The Sandbox กลับเน้นที่ผู้สร้าง (creator) เป็นศูนย์กลาง แพลตฟอร์มนี้มีเครื่องมืออย่าง VoxEdit (สำหรับสร้างโมเดล 3D) และ Game Maker (สำหรับสร้างเกมโดยไม่ต้องเขียนโค้ด) ทำให้คนทั่วไปสามารถสร้างประสบการณ์ดิจิทัลได้เอง นี่คือเหตุผลที่ The Sandbox มีผู้ใช้งานรายเดือนมากกว่า Decentraland ถึง 25 เท่า (200,000 คน เทียบกับ 8,000 คน)

ถ้าคุณอยากสร้างงานศิลปะหรือเกมเล็กๆ ที่คนมาเล่นได้ - The Sandbox คือทางเลือกที่ดีกว่า แต่ถ้าคุณอยากมีส่วนร่วมในการตัดสินใจอนาคตของโลกเสมือน - Decentraland คือที่ที่คุณมีเสียง

คุณต้องใช้เงินเท่าไหร่เพื่อเริ่มต้น?

หลายคนคิดว่าต้องใช้เงินหลายล้านเพื่อซื้อที่ดินใน metaverse แต่ความจริงคือ คุณสามารถเริ่มต้นด้วยเงินน้อยกว่า 2,000 บาท

ขั้นตอนพื้นฐานมี 7 ขั้นตอน:

  1. สร้างบัญชี บนเว็บไซต์ของ Decentraland (decentraland.org) หรือ The Sandbox (sandbox.game)
  2. ติดตั้งกระเป๋าเงินดิจิทัล - แนะนำ MetaMask ซึ่งใช้งานง่ายและรองรับทั้งสองแพลตฟอร์ม
  3. ซื้อโทเค็น - สำหรับ Decentraland คือ MANA, สำหรับ The Sandbox คือ SAND คุณต้องซื้อผ่าน交易所 เช่น Binance หรือ Coinbase
  4. เชื่อมกระเป๋าเงินกับตลาด - ทำได้ในเว็บไซต์ของแพลตฟอร์ม โดยคลิกที่ "Connect Wallet"
  5. เลือกที่ดิน - ใช้แผนที่ของแพลตฟอร์ม ที่ดินที่พร้อมขายจะแสดงเป็นสีน้ำเงิน ที่ดินที่อยู่ใจกลางเมือง (Genesis Plaza) จะเป็นสีเขียว และแพงกว่า
  6. ซื้อที่ดิน - ระบบจะหัก MANA หรือ SAND และค่าแก๊สจากกระเป๋าเงินของคุณ
  7. พัฒนาที่ดิน - นี่คือจุดที่คนส่วนใหญ่ล้มเหลว เพราะคิดว่าซื้อแล้วจบ แต่ที่ดินที่ไม่มีอะไรอยู่บนนั้น มีมูลค่าใกล้ศูนย์

ต้นทุนเริ่มต้นที่แท้จริงคือ 2,000-5,000 บาทสำหรับที่ดินเล็กๆ + ค่าแก๊ส + ค่าจ้างผู้สร้าง (ถ้าคุณไม่เก่งงานกราฟิก)

เปรียบเทียบที่ดินเว้นว่างกับที่ดินที่คึกคักใน The Sandbox มีผู้ใช้งานมาช้อปปิ้งและเข้าร่วมคอนเสิร์ต

ทำไมที่ดินบางผืนถึงแพงกว่ามาก?

ไม่ใช่แค่ขนาดของที่ดินที่ตัดสินมูลค่า - แต่คือ ตำแหน่ง

ใน Decentraland ที่ดินที่อยู่ใกล้กับ Genesis Plaza (ศูนย์กลางของโลกเสมือน) หรือใกล้กับร้านของ Snoop Dogg, Adidas, หรือ Warner Music สามารถขายได้แพงกว่าที่ดินทั่วไปถึง 10 เท่า

ใน The Sandbox ที่ดินที่อยู่ใกล้กับ “The City” - เมืองที่มีผู้ใช้งานหนาแน่นที่สุด - มีผู้เข้าชมมากกว่าที่ดินที่อยู่มุมขอบโลกเสมือนถึง 8 เท่า

ถ้าคุณซื้อที่ดินที่อยู่ไกลจากทุกอย่าง คุณจะไม่มีใครมาเยี่ยม ไม่มีใครมาเช่า ไม่มีใครมาซื้อของในร้านของคุณ - ที่ดินนั้นก็เหมือนที่ดินรกร้างในชนบท ไม่มีใครอยากซื้อ

กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือ ซื้อที่ดินเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กับจุดดึงดูดหลัก แล้วพัฒนาให้มันน่าสนใจ เช่น สร้างหอศิลป์เล็กๆ หรือเปิดร้านขายของที่ระลึก

คุณจะทำเงินจากที่ดินได้อย่างไร?

การซื้อที่ดินแล้วรอให้ราคาขึ้น - นั่นคือกลยุทธ์ที่ล้มเหลวในปี 2023 และ 2024

ตอนนี้ คนที่ทำเงินได้จริง คือคนที่สร้าง ประสบการณ์ บนที่ดินของตัวเอง

  • เช่าพื้นที่ - คุณสามารถเช่าที่ดินให้แบรนด์ เช่น แบรนด์แฟชั่นมาจัดงานแฟชั่นโชว์
  • ขายของดิจิทัล - สร้างเสื้อผ้า หรือของสะสมแบบ NFT แล้วขายให้ผู้มาเยี่ยมชม
  • จัดกิจกรรม - คอนเสิร์ตออนไลน์ งานศิลปะ หรือเกมเล็กๆ ที่ดึงดูดผู้เข้าชม
  • โฆษณา - ถ้าที่ดินของคุณมีผู้เข้าชมมาก คุณสามารถขายพื้นที่โฆษณาให้กับแบรนด์

ตัวอย่างจริง: ผู้ใช้คนหนึ่งซื้อที่ดินใน Decentraland ราคา 800 ดอลลาร์ในปี 2021 แล้วสร้างร้านขายเสื้อผ้าดิจิทัล ภายใน 1 ปี เขาก็ได้รายได้เฉลี่ย 2,000 ดอลลาร์ต่อเดือน จากการเช่าพื้นที่และขายของ

คนที่ซื้อที่ดินแล้วไม่ทำอะไรเลย - ที่ดินของเขาก็มีค่าเท่ากับภาพถ่ายบนคอมพิวเตอร์

ความเสี่ยงที่คุณต้องรู้ก่อนซื้อ

ที่ดินเสมือนจริงไม่ใช่การลงทุนที่ปลอดภัย

  • ราคาผันผวนสูง - โทเค็น MANA และ SAND สามารถกระโดดขึ้นหรือตกได้ 50% ในเวลาไม่กี่วัน
  • ค่าแก๊สไม่แน่นอน - บางวันค่าแก๊สสูงถึง 200 ดอลลาร์ ทำให้คุณไม่สามารถซื้อหรือขายที่ดินได้
  • เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว - ถ้าแพลตฟอร์มหนึ่งล้มเหลว ที่ดินของคุณอาจกลายเป็นของไร้ค่า
  • ภาษี - ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย การขาย NFT ถือเป็นรายได้ และต้องเสียภาษี คุณต้องเก็บบันทึกทุกการซื้อ-ขาย
  • ไม่มีการคุ้มครองผู้บริโภค - ถ้าคุณโดนหลอก หรือกระเป๋าเงินถูกขโมย - ไม่มีใครช่วยคุณ

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: อย่าลงทุนมากกว่าที่คุณสามารถเสียได้

มือของผู้ใช้กำลังโต้ตอบกับแผนที่เสมือนจริงของ Decentraland และ The Sandbox พร้อมไอคอนแสดงขั้นตอนการเริ่มต้น

ใครควรซื้อที่ดินเสมือนจริง?

ไม่ใช่ทุกคนที่ควรซื้อที่ดินใน metaverse

เหมาะกับคุณถ้า:

  • คุณเป็นศิลปิน นักออกแบบ หรือผู้สร้างเนื้อหา
  • คุณมีธุรกิจและอยากลองตลาดดิจิทัล
  • คุณชอบเทคโนโลยีใหม่และอยากเรียนรู้
  • คุณมีเงินสำรอง และไม่ต้องการรายได้ทันที

ไม่เหมาะกับคุณถ้า:

  • คุณอยากได้ผลตอบแทนเร็วใน 3-6 เดือน
  • คุณไม่เข้าใจว่า NFT คืออะไร
  • คุณไม่มีเวลาเรียนรู้หรือพัฒนาที่ดินของคุณ

ถ้าคุณซื้อเพราะคิดว่า "มันจะขึ้นราคาแน่นอน" - คุณกำลังเดิมพันกับความหวัง ไม่ใช่การลงทุน

อนาคตของที่ดินเสมือนจริงคืออะไร?

บริษัทใหญ่ๆ เช่น PwC, JP Morgan, และ Samsung ต่างซื้อที่ดินใน metaverse เพื่อสร้างสำนักงานเสมือนจริง ร้านค้า หรือจัดกิจกรรม

Gartner คาดการณ์ว่าในปี 2027 ที่ดินใน metaverse จะเติบโต 20-30% ต่อปี - แต่ไม่ใช่เพราะคนซื้อเพื่อเก็งกำไร แต่เพราะมันมีประโยชน์จริง

ผู้เชี่ยวชาญอย่าง Matthew Ball บอกว่า: "ความสำเร็จของที่ดินเสมือนจริง ขึ้นอยู่กับ 3 อย่าง: ศักยภาพในการพัฒนา, จำนวนผู้เข้าชม, และวิธีทำเงิน"

ในปี 2025 ที่ดินที่ไม่มีใครมาเยี่ยม - ไม่มีค่า

ที่ดินที่มีคนมาเล่น ชม ซื้อของ - มีมูลค่า

นี่คือการเปลี่ยนผ่านจาก "ซื้อที่ดินเพื่อรอขึ้นราคา" มาเป็น "ซื้อที่ดินเพื่อสร้างคุณค่า"

เริ่มต้นอย่างไรให้ปลอดภัย?

ถ้าคุณอยากลอง - นี่คือแผนง่ายๆ สำหรับมือใหม่:

  1. เริ่มด้วยที่ดินเล็กๆ ราคาไม่เกิน 2,000 บาท
  2. เลือกที่ดินที่อยู่ใกล้กับสถานที่ที่มีคนมาเยอะ
  3. สร้างสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น ป้ายโฆษณา หรือภาพศิลปะ
  4. จัดกิจกรรมเล็กๆ อย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง
  5. เก็บบันทึกทุกการซื้อขายไว้

อย่าซื้อที่ดินที่ใหญ่หรือแพงในวันแรก

อย่าเชื่อคนที่บอกว่า "ซื้อวันนี้ รวยพรุ่งนี้"

ที่ดินเสมือนจริงไม่ใช่ทางลัดสู่ความมั่งคั่ง - มันคือโอกาสสำหรับคนที่อยากสร้างอะไรใหม่ๆ บนพื้นที่ที่ไม่มีข้อจำกัด

แชร์:

เขียนความคิดเห็น