บล็อกเชนแบบโมดูลาร์: เข้าใจโครงสร้างที่เปลี่ยนวิธีทำงานของระบบดิจิทัล

เมื่อพูดถึง บล็อกเชนแบบโมดูลาร์, โครงสร้างที่แยกหน้าที่หลักของบล็อกเชนออกเป็นส่วนๆ เช่น การตรวจสอบธุรกรรม การจัดเก็บข้อมูล และการประมวลผล. ยังเป็นที่รู้จักในชื่อ โมดูลาร์บล็อกเชน, มันคือคำตอบสำหรับปัญหาความช้าและค่าใช้จ่ายสูงของบล็อกเชนแบบดั้งเดิม. ไม่เหมือนบล็อกเชนทั่วไปที่ต้องทำทุกอย่างในที่เดียว บล็อกเชนแบบโมดูลาร์แบ่งงานออกเป็นส่วนย่อย ทำให้แต่ละส่วนทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สิ่งที่ทำให้มันแตกต่างคือการแยก Layer 2 scaling, เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรมโดยไม่ต้องโหลดข้อมูลทั้งหมดบนบล็อกเชนหลัก. ยังเป็นที่รู้จักในชื่อ โซลูชันชั้นสอง, ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่เชื่อมกับบล็อกเชนแบบโมดูลาร์. ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณซื้อ NFT, สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความเป็นเจ้าของและไม่ซ้ำกัน ใช้บนบล็อกเชนเพื่อพิสูจน์ความแท้จริง. ยังเป็นที่รู้จักในชื่อ ดิจิทัลแอสเซท, ระบบโมดูลาร์ช่วยให้การซื้อขายเร็วขึ้นและค่าธรรมเนียมถูกลง. ถ้าคุณเคยรู้สึกว่าการซื้อ NFT หรือใช้ DEX ช้าและแพง นั่นเพราะระบบยังไม่ได้ใช้โครงสร้างแบบโมดูลาร์

บล็อกเชนแบบโมดูลาร์ไม่ได้เกี่ยวกับการสร้างบล็อกเชนใหม่ทั้งหมด แต่เป็นการปรับวิธีคิดว่า "ต้องทำทุกอย่างในที่เดียวไหม?" คำตอบคือ ไม่จำเป็น คุณสามารถให้ส่วนหนึ่งจัดการการยืนยันธุรกรรม ส่วนหนึ่งจัดเก็บข้อมูล และอีกส่วนจัดการการสื่อสารระหว่างผู้ใช้แบบ เครือข่ายเพียร์ทูเพียร์, ระบบกระจายศูนย์ที่ไม่ต้องพึ่งเซิร์ฟเวอร์กลาง ทุกโหนดเชื่อมต่อกันโดยตรง. ยังเป็นที่รู้จักในชื่อ P2P, ซึ่งเป็นพื้นฐานของคริปโตทุกตัว. นี่คือเหตุผลที่ระบบโมดูลาร์ถูกใช้ในโปรเจกต์ใหญ่อย่าง Ethereum หรือ Celestia — เพราะมันทำให้ทุกอย่างทำงานได้ราบรื่นแม้จะมีผู้ใช้ล้านคน

คุณจะพบในบทความต่อไปนี้ว่า บล็อกเชนแบบโมดูลาร์ไม่ใช่แค่แนวคิดทางทฤษฎี มันเชื่อมโยงกับสิ่งที่คุณใช้ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ NFT ที่เร็วขึ้น การใช้ DEX ที่ไม่ต้องรอ หรือแม้แต่การเข้าใจว่าทำไมบางระบบถึงปลอดภัยกว่า ทุกบทความที่คุณจะอ่านด้านล่าง ถูกเลือกมาเพื่อให้คุณเห็นภาพจริง ไม่ใช่แค่คำศัพท์เทคนิค

วิธีการทำงานของบล็อกเชนแบบโมดูลาร์

วิธีการทำงานของบล็อกเชนแบบโมดูลาร์

บล็อกเชนแบบโมดูลาร์แยกหน้าที่ออกเป็นส่วนๆ เพื่อให้เร็ว ถูก และปลอดภัยมากขึ้น ใช้ Rollup และ Celestia ช่วยลดค่าธรรมเนียมและเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้บล็อกเชนสามารถรองรับผู้ใช้จำนวนมากได้จริง