blog

วอลเปเปอร์สีพื้น ไม่ใช่แค่ผนังสีขาวหรือเทาธรรมดาที่ใครๆ ก็คิดว่า "น่าเบื่อ" จริงๆ แล้ว มันคือทางเลือกที่ชาญฉลาดที่สุดสำหรับคนที่อยากได้บ้านที่เงียบสงบ ดูทันสมัย และใช้งานได้ยาวนาน โดยไม่ต้องเปลี่ยนทุกปี

ทำไมวอลเปเปอร์สีพื้นถึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า?

หลายคนยังคิดว่า ถ้าอยากให้ห้องดูน่าสนใจ ต้องใช้วอลเปเปอร์ลายดอกไม้ ลายเรขาคณิต หรือลายไม้จำลอง แต่ความจริงคือ ผนังที่มีลวดลายเยอะมักทำให้ห้องดูอึดอัด รู้สึกเหมือนมีอะไรมาดึงสายตาตลอดเวลา

วอลเปเปอร์สีพื้นทำงานต่างกัน มันไม่พูด แต่ทำให้ทุกอย่างรอบตัวดูดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน โซฟาผ้าฝ้าย หรือแม้แต่ภาพวาดเล็กๆ บนผนัง มันคือพื้นหลังที่สมบูรณ์แบบ

ในบ้านสไตล์มินิมอล หรือสแกนดิเนเวีย วอลเปเปอร์สีพื้นคือหัวใจหลัก ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นหลักการออกแบบที่พิสูจน์แล้วว่าใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน

สีไหนเหมาะกับห้องไหน?

ไม่ใช่แค่เลือกสีพื้นแบบไหนก็ได้ แต่ต้องเลือกให้เหมาะกับการใช้งานของห้องนั้น

  • ห้องนอน: สีอ่อนอย่างเบจ ขาวครีม หรือเทาอ่อน ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เหมาะกับการพักผ่อน หลีกเลี่ยงสีเข้มเพราะจะทำให้ห้องดูแคบและอึดอัด
  • ห้องนั่งเล่น: ถ้าห้องมีแสงธรรมชาติดี ลองใช้สีเทาอ่อนหรือสีเขียวอ่อน ช่วยให้บรรยากาศดูเป็นธรรมชาติ ไม่ตึงเกินไป
  • ห้องครัว: ควรเลือกวอลเปเปอร์สีพื้นที่มีคุณสมบัติกันน้ำหรือซักล้างได้ สีขาวหรือสีครีมอ่อนเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด
  • ห้องทำงาน: สีเทาอ่อนหรือสีน้ำเงินเข้มอ่อนๆ ช่วยลดความเครียดและเพิ่มสมาธิ หลีกเลี่ยงสีแดงหรือสีส้มที่กระตุ้นเกินไป

ในประเทศไทยที่อากาศร้อน ควรหลีกเลี่ยงสีเข้ม เช่น ดำ น้ำตาลเข้ม หรือม่วงเข้ม เพราะจะดูดซับความร้อนและทำให้ห้องรู้สึกอึดอัด

วัสดุที่ควรเลือกสำหรับวอลเปเปอร์สีพื้น

สีพื้นไม่ได้หมายถึงวัสดุธรรมดา วัสดุที่คุณเลือกจะส่งผลต่ออายุการใช้งานและคุณภาพของผนัง

  • ผ้าทอ (Non-woven): ดีที่สุดสำหรับบ้านทั่วไป ติดง่าย หายใจได้ ไม่เกิดเชื้อรา ทนต่อความชื้น ราคาไม่สูงเกินไป
  • พีวีซี (PVC): ทนน้ำ ทำความสะอาดง่าย เหมาะกับห้องครัวหรือห้องน้ำ แต่ไม่หายใจ อาจทำให้ผนังเปียกชื้นถ้าติดในที่ที่มีความชื้นสูงเกินไป
  • กระดาษ (Paper): ราคาถูก แต่ไม่ทน ง่ายต่อการฉีกขาดและซึมซับความชื้น ไม่แนะนำสำหรับบ้านในเมืองที่มีฝนตกบ่อย
  • ผ้าไหมหรือผ้าฝ้าย: ดูหรูหรา แต่ราคาสูงและต้องดูแลพิเศษ เหมาะกับห้องพิเศษ เช่น ห้องรับแขกหรือห้องอ่านหนังสือ

ถ้าคุณอยู่ในนนทบุรีหรือพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ควรเลือก Non-woven เท่านั้น เพราะมันทนต่อสภาพอากาศและไม่บวมหรือหลุดลอกง่าย

ห้องครัวไทยทันสมัยผนังสีครีมอ่อนกันน้ำ พร้อมอุปกรณ์สแตนเลส

การติดตั้งวอลเปเปอร์สีพื้นให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

แม้ว่าจะเป็นวอลเปเปอร์สีพื้น แต่ถ้าติดไม่ดี ผนังก็จะดูแย่ทันที

  1. ตรวจสอบผนังให้เรียบและแห้งสนิทก่อนติด ถ้ามีรอยร้าวหรือเชื้อรา ต้องซ่อมก่อน
  2. ใช้กาวเฉพาะสำหรับวอลเปเปอร์ อย่าใช้กาวทั่วไป เพราะอาจทำให้หลุดหรือเปลี่ยนสี
  3. ติดจากมุมบนสุดของผนัง ใช้ไม้วัดระดับเพื่อให้แน่ใจว่าไม่เอียง
  4. ใช้ฟองน้ำหรือไม้กวาดนุ่มๆ ปัดฟองอากาศออกอย่างเบามือ
  5. อย่าติดในวันที่ฝนตกหรืออากาศชื้นมาก เพราะวอลเปเปอร์จะยืดและหดตัวหลังติด

ถ้าคุณไม่มั่นใจ ให้จ้างช่างที่มีประสบการณ์ในการติดวอลเปเปอร์สีพื้นโดยเฉพาะ เพราะการติดผิดแม้แต่ 1 มิลลิเมตร จะเห็นชัดมากเมื่อเป็นสีพื้น

วอลเปเปอร์สีพื้นกับเฟอร์นิเจอร์: จับคู่ให้กลมกลืน

วอลเปเปอร์สีพื้นไม่ใช่ตัวตัดสินสุดท้าย แต่มันคือตัวช่วยให้เฟอร์นิเจอร์ดูดีขึ้น

ถ้าคุณมีโซฟาสีเทาอ่อน อย่าเลือกวอลเปเปอร์สีขาว เพราะจะดูเหมือนหายไป ให้เลือกสีเทาอ่อนที่มีโทนแตกต่างเล็กน้อย เช่น เทาอ่อนที่มีสีน้ำตาลผสมเล็กน้อย

เฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม ควรคู่กับวอลเปเปอร์สีครีมหรือสีเบจอ่อน เพื่อให้เกิดความสมดุล

ถ้าคุณชอบของตกแต่งสีสัน เช่น หมอนสีเหลือง หรือภาพวาดสีแดง ให้เลือกวอลเปเปอร์สีขาวหรือเทาอ่อน เพราะมันจะทำให้สีเหล่านั้นโดดเด่นโดยไม่ต้องแข่งกัน

ห้องทำงานในกรุงเทพผนังเทาอ่อนกับโต๊ะไม้เข้มและหมอนสีแดง

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยกับวอลเปเปอร์สีพื้น

  • เลือกสีจากหน้าจอโทรศัพท์: สีบนมือถือมักเบี่ยงเบนจากสีจริง ควรขอตัวอย่างสีจริงมาดูในแสงธรรมชาติ
  • ติดทั้งห้องแบบเดียวกัน: ถ้าห้องมีหลายโซน เช่น โซนรับแขกและโซนกินข้าว ลองใช้สีพื้นต่างกันเล็กน้อยเพื่อแยกพื้นที่
  • ไม่ทดสอบกับแสง: แสงกลางวันและแสงไฟในห้องจะเปลี่ยนสีที่เห็น ให้ลองติดตัวอย่างไว้ 2-3 วันก่อนตัดสินใจ
  • คิดว่า "สีพื้น = ไม่มีสไตล์": สีพื้นคือสไตล์ที่ซับซ้อนที่สุด เพราะต้องเลือกให้ถูกต้องทุกจุด

วอลเปเปอร์สีพื้นกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

คุณอาจคิดว่า ถ้าอยากเปลี่ยนห้อง ต้องเปลี่ยนวอลเปเปอร์ใหม่ทั้งหมด แต่ความจริงคือ วอลเปเปอร์สีพื้นสามารถอยู่ได้ 5-10 ปี โดยไม่รู้สึกล้าสมัย

ถ้าคุณอยากเปลี่ยนบรรยากาศ แค่เปลี่ยนผ้าม่าน เปลี่ยนเบาะเก้าอี้ หรือเพิ่มพืชในห้อง ก็เปลี่ยนทั้งห้องได้แล้ว

นี่คือเหตุผลที่วอลเปเปอร์สีพื้นถูกใช้ในคอนโดหรูหรา บ้านพักตากอากาศ และสำนักงานทั่วโลก - มันไม่เคยผิดพลาด

สรุป: วอลเปเปอร์สีพื้นคือคำตอบสำหรับคนที่ไม่อยากเสียเวลา

ถ้าคุณเหนื่อยกับการเลือกลวดลาย กลัวว่าจะดูเก่าเร็ว หรือไม่อยากจ่ายเงินซ้ำทุกสองปี - วอลเปเปอร์สีพื้นคือทางออกที่ชัดเจนที่สุด

มันไม่ใช่ทางเลือกที่ดูธรรมดา แต่เป็นทางเลือกที่ฉลาด ยั่งยืน และเหมาะกับชีวิตจริงในประเทศไทย

ลองเริ่มจากห้องเล็กๆ ก่อน แล้วคุณจะรู้ว่า บางครั้ง ความเรียบง่ายคือความสวยงามที่แท้จริง

วอลเปเปอร์สีพื้นสามารถติดในห้องน้ำได้ไหม?

ได้ แต่ต้องเลือกวัสดุที่กันน้ำได้จริง เช่น PVC หรือ Non-woven ที่มีเคลือบกันน้ำ หลีกเลี่ยงวอลเปเปอร์กระดาษทั่วไป เพราะจะบวมและเป็นเชื้อราได้ง่าย

วอลเปเปอร์สีพื้นราคาเท่าไหร่?

ราคาเริ่มต้นที่ 200-400 บาทต่อม้วน (ขนาด 0.53 x 10 เมตร) ขึ้นอยู่กับวัสดุ วอลเปเปอร์ Non-woven คุณภาพดีอยู่ที่ประมาณ 350-600 บาทต่อม้วน ซึ่งพอติดห้องขนาดกลางได้ 1-2 ม้วน

ติดวอลเปเปอร์สีพื้นเองได้ไหม?

ทำได้ถ้าคุณมีความละเอียดและเวลา แต่ถ้าต้องการผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะในห้องที่มีผนังไม่เรียบ ควรจ้างช่าง เพราะการติดผิดแม้แต่เล็กน้อยจะเห็นชัดมากเมื่อเป็นสีพื้น

วอลเปเปอร์สีพื้นเหมาะกับบ้านสไตล์ไหนบ้าง?

เหมาะกับสไตล์มินิมอล สแกนดิเนเวีย ญี่ปุ่น โมเดิร์น และยุโรปเหนือ แต่ก็สามารถใช้ร่วมกับสไตล์ไทยประยุกต์หรืออินดัสเทรียลได้ดี ถ้าเลือกสีและวัสดุให้ถูก

ควรเลือกสีพื้นแบบไหนให้ดูแพง?

สีที่ดูแพงคือสีที่มีความลึก เช่น เทาอ่อนที่มีสีน้ำตาลผสมเล็กน้อย หรือขาวครีมที่ไม่ขาวจัดเกินไป หลีกเลี่ยงสีขาวบริสุทธิ์ที่ดูเหมือนผนังโรงพยาบาล

เขียนความคิดเห็น