วอลเปเปอร์ตกแต่งบ้าน ไม่ใช่แค่ติดผนังให้สวย
หลายคนคิดว่าการติดวอลเปเปอร์คือการเปลี่ยนผนังให้ดูสวยขึ้นแค่ชั่วคราว แต่ความจริงแล้ว วอลเปเปอร์คือตัวเลือกที่มีผลต่ออารมณ์ การใช้งาน และแม้แต่ค่าใช้จ่ายระยะยาวของบ้านคุณ ไม่ใช่แค่เรื่องของลายหรือสี แต่คือเรื่องของวัสดุ ความทนทาน และการจัดการกับสภาพแวดล้อมในบ้านคุณ
ถ้าคุณกำลังจะเปลี่ยนผนังห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือแม้แต่ห้องครัวด้วยวอลเปเปอร์ คุณต้องรู้ก่อนว่า วอลเปเปอร์แต่ละประเภทมีจุดแข็งและจุดอ่อนต่างกัน ไม่ใช่ทุกแบบจะเหมาะกับบ้านของคุณ
วอลเปเปอร์แบบไหนที่เหมาะกับห้องนอน
ห้องนอนคือพื้นที่ที่ต้องการความสงบ ไม่ใช่ความวุ่นวาย ดังนั้นการเลือกวอลเปเปอร์สำหรับห้องนอนควรเน้นที่สีและพื้นผิวมากกว่าลวดลาย
วอลเปเปอร์ที่ทำจากผ้าทอ (non-woven) เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับห้องนอน เพราะมันหายใจได้ ไม่สะสมความชื้น และลดเสียงสะท้อนได้ดี ช่วยให้ห้องรู้สึกนุ่มนวลและผ่อนคลาย ถ้าคุณต้องการสีที่ช่วยให้นอนหลับง่าย ลองเลือกโทนสีอ่อนๆ เช่น ครีมอ่อน น้ำเงินอ่อน หรือเทาอ่อน หลีกเลี่ยงสีแดงหรือสีเหลืองสด เพราะสีเหล่านี้กระตุ้นระบบประสาท ทำให้หลับยาก
นอกจากนี้ วอลเปเปอร์บางรุ่นยังมีคุณสมบัติช่วยดูดซับเสียง ซึ่งเหมาะมากถ้าคุณอยู่ใกล้ถนนหรือมีเพื่อนบ้านที่ค่อนข้างเสียงดัง อย่าลืมตรวจสอบว่ามันเป็นวอลเปเปอร์ที่ผ่านการรับรองว่าปลอดสารพิษ (low-VOC) เพราะคุณจะใช้เวลาหลายชั่วโมงในห้องนี้ทุกวัน
วอลเปเปอร์สำหรับห้องครัวและห้องน้ำ: ต้องกันน้ำจริง
ห้องครัวและห้องน้ำคือพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ไขมัน ไอน้ำ และคราบสกปรกสะสมง่าย วอลเปเปอร์ทั่วไปจะพอง ลอก หรือขึ้นราภายในไม่กี่เดือน
คุณต้องเลือกวอลเปเปอร์ที่มีพื้นผิวเคลือบด้วย PVC หรือวัสดุกันน้ำโดยเฉพาะ วอลเปเปอร์ประเภทนี้สามารถเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำได้ ไม่ต้องกลัวคราบไขมันจากครัวหรือไอน้ำจากห้องน้ำ
อย่าหลงเชื่อคำว่า "กันน้ำได้" ถ้าไม่ได้ระบุว่าเป็น "washable" หรือ "scrubbable" บนฉลาก วอลเปเปอร์บางตัวแค่มีผิวเงา แต่ไม่สามารถเช็ดได้จริง ลองทดสอบด้วยการหยดหยดน้ำบนตัวอย่างวอลเปเปอร์ ถ้าน้ำไม่ซึมและเช็ดออกได้ง่าย นั่นคือตัวที่ใช้ได้
ในห้องน้ำ ควรเลือกสีอ่อนหรือลายเส้นตรงเพื่อให้ห้องดูโล่ง หลีกเลี่ยงลายดอกไม้ใหญ่หรือสีเข้ม เพราะจะทำให้ห้องรู้สึกอึดอัดและดูสกปรกง่าย
วอลเปเปอร์กับเด็กเล็ก: ปลอดภัยต้องมาก่อนสวย
ถ้าคุณกำลังแต่งห้องเด็ก วอลเปเปอร์ต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ไม่ใช่แค่ลายการ์ตูนที่เด็กชอบ
เลือกวอลเปเปอร์ที่มีฉลาก "Child-Safe" หรือ "Non-Toxic" ซึ่งหมายความว่าไม่มีตะกั่ว ฟอร์มาลดีไฮด์ หรือสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อระบบหายใจของเด็ก วอลเปเปอร์จากผ้าทอ (non-woven) ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะไม่ปล่อยก๊าซพิษ และทำความสะอาดง่าย
ลายที่เหมาะกับห้องเด็กคือลายเรียบๆ อย่างจุดเล็กๆ หรือเส้นขนาน ไม่ใช่ลายที่มีสีสันจัดจ้านเกินไป เพราะจะทำให้เด็กสมาธิสั้นและนอนไม่หลับ คุณสามารถเลือกสีอ่อนๆ อย่างชมพูอ่อน เขียวอ่อน หรือฟ้าอ่อน แล้วเสริมด้วยสติกเกอร์ติดผนังที่ถอดออกได้เมื่อเด็กโตขึ้น
วอลเปเปอร์กับแสงแดดในบ้านไทย
ประเทศไทยมีแสงแดดแรงและยาวนาน วอลเปเปอร์ที่ไม่ทนต่อ UV จะซีดจางภายใน 6-12 เดือน ไม่ว่าจะเป็นลายสวยแค่ไหน ถ้ามันหายไปเพราะแดด คุณก็ต้องมาติดใหม่
ให้เลือกวอลเปเปอร์ที่มีการเคลือบป้องกันรังสี UV โดยเฉพาะถ้าคุณติดผนังที่รับแสงแดดตรง เช่น หน้าต่างห้องนั่งเล่นหรือห้องรับประทานอาหาร วอลเปเปอร์บางรุ่นสามารถทนต่อแสงแดดได้ถึง 5 ปีโดยไม่ซีด อย่าลืมถามร้านว่า "ทนแดดได้นานแค่ไหน" และขอตัวอย่างที่ผ่านการทดสอบแสง UV มาดู
ถ้าคุณติดวอลเปเปอร์ที่หน้าต่าง ควรพิจารณาใช้ผ้าม่านร่วมด้วย เพื่อลดปริมาณแสงที่ส่องตรงเข้าผนัง แม้แต่ผ้าม่านบางๆ ก็ช่วยยืดอายุวอลเปเปอร์ได้หลายปี
วิธีเลือกวอลเปเปอร์ให้เหมาะกับพื้นที่ใช้งาน
ไม่ใช่ทุกห้องจะใช้วอลเปเปอร์แบบเดียวกันได้ ลองดูตารางนี้เพื่อช่วยตัดสินใจ
| พื้นที่ | ประเภทวอลเปเปอร์ที่แนะนำ | สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง | 
|---|---|---|
| ห้องนอน | ผ้าทอ (non-woven), พื้นผิวเรียบ, สีอ่อน | ลายใหญ่, สีเข้ม, วัสดุพลาสติกหนา | 
| ห้องน้ำ | PVC กันน้ำ, สามารถเช็ดได้ | วอลเปเปอร์กระดาษ, ลายละเอียดที่เก็บคราบ | 
| ห้องครัว | PVC กันน้ำ, พื้นผิวเรียบ | วอลเปเปอร์ผ้า, ลายลึกที่เก็บไขมัน | 
| ห้องเด็ก | Non-toxic, ผ้าทอ, ลายเรียบง่าย | วอลเปเปอร์มีกลิ่น, สีจัดจ้าน, ลายซับซ้อน | 
| ห้องรับแขก | วอลเปเปอร์ผ้าทอหรือพิมพ์ลายละเอียด | วอลเปเปอร์บางเกินไป, ไม่ทนต่อแสงแดด | 
การติดตั้งวอลเปเปอร์: ต้องเตรียมผนังให้ดี
ไม่ว่าคุณจะเลือกวอลเปเปอร์ดีแค่ไหน ถ้าผนังไม่พร้อม ผลลัพธ์จะออกมาแย่แน่นอน
ผนังต้องสะอาด แห้ง และเรียบ ถ้ามีรอยแตกร้าว ต้องอุดด้วยสารอุดรอยก่อน อย่าใช้สีทาผนังปกติเป็นพื้นฐาน เพราะวอลเปเปอร์จะไม่ติด ควรทาสีพรีเมียร์เฉพาะสำหรับวอลเปเปอร์ ซึ่งช่วยให้วอลเปเปอร์ยึดติดดีขึ้นและถอดออกง่ายในอนาคต
ถ้าคุณติดเอง อย่าตัดวอลเปเปอร์ยาวเกินไป ควรตัดให้ยาวกว่าผนัง 2-3 ซม. เพื่อตัดทิ้งทีหลัง ใช้ไม้กวาดผ้าสำหรับติดวอลเปเปอร์ ไม่ใช่ไม้กวาดทั่วไป เพราะจะทำให้ผิววอลเปเปอร์เป็นรอย
ถ้าคุณไม่มั่นใจ จ้างช่างที่มีประสบการณ์จริง ไม่ใช่คนที่บอกว่า "เคยติดมาก่อน" แต่ต้องถามว่าเคยติดวอลเปเปอร์แบบไหนมาบ้าง และขอดูงานที่เคยทำจริง
วอลเปเปอร์ราคาเท่าไหร่? คุ้มค่าจริงไหม?
วอลเปเปอร์ราคาเริ่มต้นที่ 150 บาท/ม. ถึง 2,000 บาท/ม. ขึ้นอยู่กับแบรนด์และวัสดุ
วอลเปเปอร์ราคาถูก (150-400 บาท/ม.) มักทำจากกระดาษ ทนทานน้อย ใช้งานได้ไม่เกิน 2 ปี ถ้าคุณต้องการให้มันอยู่นาน ควรลงทุนในวอลเปเปอร์คุณภาพกลางถึงสูง (600-1,200 บาท/ม.) ที่ทำจากผ้าทอหรือ PVC กันน้ำ ซึ่งใช้งานได้ 5-10 ปี
เปรียบเทียบกับการทาสี: ทาสีราคาถูกกว่าตอนเริ่มต้น แต่ต้องทาซ้ำทุก 2-3 ปี วอลเปเปอร์คุณภาพดีอาจแพงกว่าตอนแรก แต่คุณไม่ต้องทำอะไรอีกเลยนานๆ ถ้าคุณคิดถึงค่าแรงและเวลาที่ต้องเสียไปกับการทาสีซ้ำ วอลเปเปอร์คุณภาพดีจึงคุ้มกว่าในระยะยาว
วอลเปเปอร์กับการดูแลรักษา
วอลเปเปอร์ไม่ใช่ของที่ติดแล้วลืม คุณต้องดูแลมัน
เช็ดฝุ่นด้วยแปรงนุ่มหรือเครื่องดูดฝุ่นแบบอ่อนๆ ทุก 2-3 สัปดาห์ อย่าใช้ผ้าเปียกหรือน้ำยาทำความสะอาดทั่วไปกับวอลเปเปอร์ที่ไม่ได้ระบุว่า "เช็ดได้" ถ้าคุณใช้ผ้าชุบน้ำแรงๆ บนวอลเปเปอร์ที่ไม่กันน้ำ มันจะพองและลอก
ถ้ามีรอยเปื้อนจากมือหรือของเล่นเด็ก ใช้ฟองน้ำเปียกน้ำสะอาดเช็ดเบาๆ แล้วเช็ดให้แห้งทันที ไม่ต้องใช้น้ำยาทำความสะอาด เพราะอาจทำให้สีซีด
อย่าเปิดพัดลมหรือแอร์แรงๆ ตรงผนังที่ติดวอลเปเปอร์ เพราะลมแรงจะทำให้วอลเปเปอร์ร่วงจากขอบ
วอลเปเปอร์กับสีทาผนัง อะไรดีกว่ากัน?
วอลเปเปอร์เหมาะกับคนที่อยากเปลี่ยนลุคบ้านบ่อยๆ หรือต้องการลวดลายเฉพาะตัว ส่วนสีทาผนังเหมาะกับคนที่อยากได้พื้นผิวเรียบ ราคาถูก และดูแลง่าย ถ้าคุณมีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง วอลเปเปอร์กันน้ำจะทนกว่าสีที่ต้องทาซ้ำบ่อย
ติดวอลเปเปอร์แล้วจะถอดออกได้ไหม?
ถ้าใช้วอลเปเปอร์คุณภาพดีและติดบนผนังที่เตรียมไว้ถูกต้อง สามารถถอดออกได้โดยไม่ทิ้งรอย วอลเปเปอร์ผ้าทอ (non-woven) ถอดง่ายที่สุด เพราะมันไม่ติดแน่นกับผนังเหมือนวอลเปเปอร์กระดาษ แต่ถ้าติดด้วยกาวคุณภาพต่ำหรือผนังเปียก อาจต้องขูดออกและต้องทาสีใหม่
วอลเปเปอร์ที่มีกลิ่นแรง ควรใช้ไหม?
ไม่ควรใช้ วอลเปเปอร์ที่มีกลิ่นแรงมักมีสารเคมีระเหย (VOC) สูง ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบหายใจ โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ควรเลือกวอลเปเปอร์ที่มีฉลาก "low-VOC" หรือ "Eco-friendly" และเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทอย่างน้อย 3 วันหลังติด
วอลเปเปอร์แบบไหนเหมาะกับบ้านสไตล์มินิมอล?
วอลเปเปอร์สำหรับสไตล์มินิมอลควรเป็นสีพื้นอ่อน เช่น เทาอ่อน ครีม หรือขาว ผิวเรียบหรือมีลายละเอียดมาก เช่น เส้นแนวนอนบางๆ หรือจุดเล็กๆ หลีกเลี่ยงลายดอกไม้ ลายพิมพ์ใหญ่ หรือสีเข้ม วัสดุที่ดีที่สุดคือผ้าทอ (non-woven) เพราะให้ความรู้สึกเรียบง่ายและไม่ติดตา
วอลเปเปอร์ที่ติดแล้วขึ้นรา แก้ยังไง?
ถ้าขึ้นรา แสดงว่ามีความชื้นสะสม ต้องแก้ที่ต้นเหตุก่อน คือหาสาเหตุของความชื้น เช่น ท่อน้ำรั่ว หรือผนังไม่แห้งพอ แล้วถอดวอลเปเปอร์ออกทั้งหมด ทำความสะอาดผนังด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ แล้วรอให้ผนังแห้งสนิทก่อนติดใหม่ ถ้าไม่แก้ที่ต้นเหตุ วอลเปเปอร์ใหม่ก็จะขึ้นราอีก
ตัดสินใจอย่างมั่นใจกับวอลเปเปอร์ของคุณ
วอลเปเปอร์ไม่ใช่แค่ของตกแต่ง แต่คือส่วนหนึ่งของสุขภาพและคุณภาพชีวิตในบ้านคุณ ถ้าคุณเลือกให้ถูก คุณจะได้ผนังที่สวยงาม ใช้งานได้นาน และไม่ต้องมาเสียเงินแก้ปัญหาอีก
เริ่มจากถามตัวเองว่า: ห้องนี้ใช้ทำอะไร? มีเด็กหรือสัตว์เลี้ยงไหม? แดดส่องตรงไหม? แล้วเลือกวอลเปเปอร์ตามคำตอบนั้น ไม่ใช่ตามรูปในอินสตาแกรม
อย่ารีบตัดสินใจ เพราะวอลเปเปอร์ติดแล้วจะอยู่กับคุณนานหลายปี ถ้าคุณเลือกให้ถูก บ้านของคุณจะดูดี สะอาด และสบายตา ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย
                                    
                                        
                                        
เขียนความคิดเห็น