blog

ของที่บ้านยังมี “ยาน้ำสีแดง” หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่ฟองฟู่ไหม? หลายคนยังใช้ เพราะคุ้นมือ แต่ของบางอย่างช่วยได้ไม่มาก แถมทำให้แผลหายช้า ฉันอยู่นนทบุรี เป็นแม่ลูกหนึ่ง เวลา “กฤติน” หกล้มหน้าบ้าน ฉันต้องตัดสินใจเร็วว่าใช้อะไรล้างแผลดี บทความนี้สรุปแบบตรงไปตรงมา ว่ายาฆ่าเชื้อจากร้านยาอะไรที่เวิร์กจริง ใช้กับแผลแบบไหน และเมื่อไรที่ไม่ต้องใช้ เพื่อให้คุณดูแลตัวเองและคนในบ้านได้อย่างมั่นใจในปี 2025

  • TL;DR - แผลถลอก/แผลสดเล็กๆ: ล้างด้วยน้ำไหลหรือสารละลายเกลือ 0.9% ก่อน แล้วค่อยแตะโพวิโดนไอโอดีน 10% หรือคลอเฮกซิดีน 0.05% ครั้งเดียวบางๆ
  • ทำความสะอาดมือเมื่อไม่มีน้ำ: ใช้แอลกอฮอล์ 60-80% (เช่น 70%) ถู 20-30 วินาที ปล่อยแห้งเอง
  • เลี่ยง: ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3% กับแผลเปิด (ทำให้เนื้อเยื่อช้ำ), “ยาน้ำสีแดง/ม่วง” รุ่นเก่า, ทิงเจอร์ไอโอดีนแรงๆ บนแผลสด
  • เด็กเล็ก/ท้อง/ไทรอยด์: ระวังไอโอดีนบนพื้นที่กว้าง เลือกคลอเฮกซิดีนเจือจางหรือใช้น้ำเกลือล้างแผลแทน ถ้าไม่แน่ใจปรึกษาเภสัชกร
  • ไม่ราดยาฆ่าเชื้อทุกวัน: หลัง 24-48 ชม. เน้นรักษาความชื้นของแผลด้วยปิโตรเลียมเจลลี่และปิดแผล จะหายเร็วกว่า

เลือกให้ถูกงาน: ตัวเลือกหลักที่เวิร์กจริง (และอันไหนควรพักก่อน)

ก่อนเลือกขวดไหนจากร้านยา ให้ตั้งคำถามง่ายๆ ว่า “จะใช้กับอะไร” เพราะยาฆ่าเชื้อแบ่งคร่าวๆ เป็น 3 กลุ่มการใช้งาน: (1) ผิวหนัง/แผลสด (2) มือและผิวหนังแข็งแรงเพื่อเตรียมฉีดยา (3) ช่องปาก/เยื่อบุ บางตัวฆ่าเชื้อได้แรงมาก แต่กัดเนื้อเยื่อแผลสด บางตัวอ่อนโยนกว่าแต่ไม่ครอบคลุมไวรัสบางชนิด

ตัวท็อปที่หาได้ง่ายในไทยตอนนี้:

  • โพวิโดนไอโอดีน (Povidone-Iodine, PVP-I) 10%: ครอบคลุมเชื้อกว้างทั้งแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ออกฤทธิ์เร็ว เหมาะกับการแตะแผลสดครั้งแรกๆ แต่ไม่จำเป็นต้องราดซ้ำทุกวัน เพราะอาจทำให้แผลชื้นสีเข้มและหายช้าลง จุดต้องระวังคือการดูดซึมไอโอดีน โดยเฉพาะถ้าทาในพื้นที่กว้าง เด็กเล็ก หรือคนมีโรคไทรอยด์
  • คลอเฮกซิดีน (Chlorhexidine, CHG) 0.05% สำหรับล้างแผล และ 2-4% สำหรับเตรียมผิวก่อนหัตถการ: มีฤทธิ์คงค้างบนผิวได้นาน ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ดีมาก หลายโรงพยาบาลใช้เป็นมาตรฐานในการเตรียมผิวก่อนแทงเข็ม/เย็บแผล หลีกเลี่ยงบริเวณตา หูชั้นกลาง/มีแก้วหูทะลุ และเยื่อบุโดยตรง
  • แอลกอฮอล์ 60-80% (เช่น 70%): เด็ดมากสำหรับทำความสะอาดมือเมื่อไม่มีน้ำ ใช้ก่อนฉีดยาหรือเช็ดผิวที่ไม่แตก แต่ไม่ควรเทลงแผลสดเพราะแสบและทำลายเนื้อเยื่อ
  • สารละลายเกลือ 0.9% (Normal Saline) และ “น้ำประปาสะอาดที่ไหลแรง”: คีย์เวิร์ดคือการ “ล้าง” สิ่งสกปรกออกให้หมด งานทบทวนขนาดใหญ่พบว่า การใช้น้ำไหลล้างแผลสะอาดมีผลไม่ต่างจากน้ำเกลือในหลายสถานการณ์ จุดต่างอยู่ที่ความไหลแรงและปริมาณ
  • โพลีเฮกซานิด (PHMB) 0.02-0.1%: ยุคใหม่ของสเปรย์ล้างแผล ช่วยควบคุมเชื้อในแผลเรื้อรังและแผลที่แพ้ง่าย อ่อนโยนกว่าไอโอดีนและแอลกอฮอล์ ราคาอาจสูงกว่าแต่คุ้มในแผลที่ต้องดูแลนาน
  • อ็อคทีนิดีน (Octenidine) 0.1%: ฤทธิ์กว้าง คล้าย CHG แต่อ่อนโยนต่อเยื่อบุ ได้รับความนิยมในยุโรป บ้านเราเริ่มมีแบบสั่งซื้อผ่านร้านยาบางแห่ง ราคาอยู่ระดับกลางถึงสูง

ตัวที่ควรพักก่อนหรือใช้แบบมีเงื่อนไข:

  • ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3%: ฟองฟู่ดูสะใจ แต่ทำลายเนื้อเยื่อดีๆ ที่กำลังซ่อมแซม เหมาะถ้าต้องเอาคราบดิน/เศษสกปรกออกในครั้งแรกจริงๆ แล้วหยุด
  • เบนซัลโคเนียมคลอไรด์ (Benzalkonium chloride, BAK): เป็นควอทส์ (quats) ที่ปลอดภัยต่อผิว แต่ประสิทธิภาพต่อไวรัสบางชนิดและในภาวะมีสิ่งสกปรกอาจไม่ดีเท่า CHG/PVP-I ไม่ควรใช้เป็นตัวหลักในแผลสกปรก
  • คลอโรไซลีนอล (Chloroxylenol): เจอในน้ำยาฆ่าเชื้ออเนกประสงค์บางแบรนด์ ใช้ล้างผิวหนังแข็งแรงได้ แต่ไม่แนะนำราดแผลสดลึกๆ
  • ทิงเจอร์ไอโอดีนแรงๆ และ “ยาน้ำสีแดง/ม่วง” รุ่นเก่า (เช่น เมอร์โบรมีน, เจนเชียนไวโอเลต): ตกยุคไปแล้ว ด้วยเหตุผลทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

ถ้าต้องการภาพรวมแบบรวดเดียวจบ ลองดูตารางเทียบนี้

สาร/ความเข้มข้นที่พบบ่อย ใช้เพื่อ สเปกตรัม/จุดเด่น เวลาสัมผัสขั้นต่ำ คงค้างบนผิว ใช้กับแผลเปิด เด็ก/ท้อง ราคาประมาณ (ไทย) โน้ต
โพวิโดนไอโอดีน 10% แตะแผลสด, เตรียมผิว กว้าง ครอบคลุมแบคทีเรีย/ไวรัส/เชื้อรา 15-30 วินาที สั้น ได้ (บางๆ ครั้งแรกๆ) ระวังพื้นที่กว้าง/ไทรอยด์/ทารก 30-70 บาท/30 มล. อาจย้อมผิว-ผ้า
คลอเฮกซิดีน 0.05% (ล้างแผล) ล้างแผล, เย็บแผล เด่นที่แบคทีเรีย, มีฤทธิ์คงค้าง 30 วินาที ยาว ได้ (เลี่ยงตา/หู) ใช้ได้ส่วนใหญ่ 80-150 บาท/250 มล. ห้ามเข้าตา/หูชั้นกลาง
คลอเฮกซิดีน 2-4% (เตรียมผิว) เช็ดผิวก่อนฉีดยา/หัตถการ ฆ่าเชื้อเร็ว+คงค้าง 30 วินาที ยาว ไม่ใช้บนแผลเปิด ปลอดภัยถ้าใช้ถูกวิธี 100-250 บาท/ขวด ทาทิ้งให้แห้งก่อนทำหัตถการ
แอลกอฮอล์ 70% ล้างมือ, เช็ดผิวปกติ เร็วมาก, ฆ่าไวรัสห่อหุ้ม 20-30 วินาที ไม่มี ไม่ควร ใช้ได้ (ระวังผิวแห้ง) 20-60 บาท/50 มล. (เจล) ไวไฟ
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3% เอาคราบออกครั้งแรก ออกซิไดซ์ คราบหลุด - ไม่มี เลี่ยง (ทำลายเนื้อเยื่อ) ไม่แนะนำเป็นประจำ 20-40 บาท/100 มล. ใช้ครั้งเดียวพอ
PHMB 0.02-0.1% แผลเรื้อรัง, ผิวแพ้ง่าย อ่อนโยน ฆ่าเชื้อดี 1-2 นาที เล็กน้อย ได้ ใช้ได้ 180-350 บาท/สเปรย์ 100 มล. เหมาะแผลที่ดูแลนาน
อ็อคทีนิดีน 0.1% ล้างแผล/เยื่อบุ กว้าง อ่อนโยน 1 นาที เล็กน้อย ได้ ใช้ได้ 300-450 บาท/50-100 มล. มีจำหน่ายจำกัด
คลอโรไซลีนอล (เข้มข้นต้องเจือจาง) ทำความสะอาดผิวปกติ เด่นที่แบคทีเรีย 1-2 นาที สั้น ไม่แนะนำราดแผลลึก เลี่ยงทารก 70-150 บาท/ขวด ใช้ตามฉลากเท่านั้น

หมายเหตุด้านหลักฐาน: แนวทางอนามัยมือของ WHO (2019) และ CDC (อัปเดต 2024) สนับสนุนแอลกอฮอล์ 60-95% สำหรับถูมือเมื่อไม่มีน้ำ ส่วนการทำความสะอาดแผลเล็ก งานทบทวน Cochrane พบว่า “น้ำสะอาดที่ไหลแรง” ไม่ด้อยกว่าน้ำเกลือในหลายบริบท การเตรียมผิวก่อนหัตถการ CHG เข้มข้นมีข้อมูลลดเชื้อบนผิวได้ต่อเนื่องและลดการติดเชื้อในงานศัลยกรรมบางกลุ่ม เอกสารเผยแพร่ของกรมควบคุมโรคไทย (2567) สอดคล้องในภาพรวม

ใช้ยังไงให้ได้ผล: ขั้นตอนแบบง่ายตั้งแต่แผลสดถึงมือสะอาด

กฎเหล็กคือ “ล้างก่อน แตะยาฆ่าเชื้อพอเหมาะ แล้วปิดแผลให้ชื้น” การราดยาฆ่าเชื้อแรงๆ ซ้ำๆ ไม่ทำให้แผลสะอาดขึ้น แต่ทำให้แผลระคายเคืองและซ่อมตัวเองช้าลง

  1. แผลถลอก/แผลกรีดเล็กๆ (ไม่ลึก, เลือดหยุดได้เอง)
    • ล้าง: เปิดน้ำไหลแรง 3-5 นาที หรือใช้น้ำเกลือ 50-100 มล. ฉีดผ่านไซริงค์เพื่อเพิ่มแรงดัน
    • ห้ามคราบ: ถ้ามีทราย/ดินติด ใช้คีมปลายแหนบสะอาดค่อยๆ เขี่ยออก
    • แตะยาฆ่าเชื้อ: โพวิโดนไอโอดีน 10% หรือคลอเฮกซิดีน 0.05% บางๆ ครั้งเดียว
    • ความชื้นเพื่อการหาย: ทาปิโตรเลียมเจลลี่บางๆ แล้วปิดด้วยก๊อซหรือแผ่นปิดแผลแบบไฮโดรคอลลอยด์
    • ดูแลต่อ: เปลี่ยนผ้าก๊อซทุกวัน ตรวจว่ามีรอยแดง/หนองไหม ถ้าไม่มี ไม่จำเป็นต้องทายาฆ่าเชื้อซ้ำ
  2. แผลไหม้ระดับตื้น (แดง ร้อน แสบ ไม่มีพองใหญ่)
    • ลดความร้อน: เปิดน้ำอุณหภูมิห้องล้างต่อเนื่อง 20 นาที
    • อย่าทา: ยาสี ฟองสบู่ ยาสีฟัน น้ำปลา น้ำปลาร้า
    • หลังเย็นลง: ทาเจลว่านหางจระเข้ที่ผ่าน อย. หรือปิโตรเลียมเจลลี่ ปิดแผล ถ้ามีพองใหญ่/กินพื้นที่เกินฝ่ามือ ไปโรงพยาบาล
  3. แผลจากสัตว์กัด/แทงลึก/ทิ่มทะลุ
    • ล้างนาน: น้ำไหล 10-15 นาที
    • แตะยาฆ่าเชื้อรอบปากแผลได้ แต่อย่าปิดแน่นจนหนองคั่ง
    • ไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนบาดทะยัก/พิษสุนัขบ้า และพิจารณายาปฏิชีวนะ
  4. เตรียมผิวก่อนฉีดยา/ตัดเล็บคุด/ปล่อยสิวอุดตัน (ทำเองเฉพาะขั้นพื้นฐาน)
    • เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ 70% หรือ CHG 2% ทิ้งให้แห้ง 30 วินาที
    • อย่าพ่นไฟ/จุดไฟใกล้บริเวณที่เพิ่งเช็ดด้วยแอลกอฮอล์
  5. ล้างมือให้สะอาดเมื่อไม่มีน้ำ
    • บีบเจล/สเปรย์แอลกอฮอล์ 3-5 มล. ถูฝ่ามือ หลังมือ ซอกนิ้ว ปลายนิ้ว/เล็บ จนถึงข้อมือ 20-30 วินาที
    • ปล่อยให้แห้งเอง ไม่ต้องเช็ด
  6. ช่องปาก/คออักเสบ/แผลร้อนใน
    • คลอเฮกซิดีนสำหรับช่องปาก 0.12% อมบ้วน 15 มล. 30 วินาที วันละ 2 ครั้ง (ไม่ควรเกิน 2 สัปดาห์ติด)
    • โพวิโดนไอโอดีนสำหรับกลั้วคอ 1% ใช้ตามฉลาก หลีกเลี่ยงหากมีปัญหาไทรอยด์ ตั้งครรภ์ หรือแพ้ไอโอดีน
    • เด็กเล็กที่กลั้วคอไม่เป็น: หลีกเลี่ยงน้ำยาฆ่าเชื้อปาก ใช้น้ำเกลืออุ่นกลั้วแทน

ดีซิชันทรีฉบับไว (จำง่าย):
ถ้า “สกปรก” - ล้างแรงและนานก่อน = ชนะไปกว่า 70% แล้ว ค่อยเลือกแตะ PVP-I หรือ CHG บางๆ ครั้งเดียว ถ้า “ไม่สกปรก” - พอแค่ล้างด้วยน้ำและปิดแผลชื้น ไม่ต้องแตะยาทุกครั้ง ถ้า “ลึก/กัด/พุพองใหญ่” - ล้าง แล้วไปพบแพทย์

ข้อผิดพลาดที่เจอบ่อย:

  • เทแอลกอฮอล์ลงแผลสด - แสบและทำให้แผลช้า
  • ราดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ทุกวัน - ทำลายเนื้อเยื่อดีกับร้ายพังทั้งคู่
  • ผสมยาเองหลายชนิด - CHG กับ PVP-I หักล้างกัน อย่าซ้อนทับ
  • เปิดขวดใหญ่ใช้ไปเรื่อยๆ - ปนเปื้อนง่าย เลือกขวดเล็กๆ ใช้หมดไว
เลือกให้ปลอดภัย: เด็ก ท้อง ผิวแพ้ง่าย และโรคประจำตัว

เลือกให้ปลอดภัย: เด็ก ท้อง ผิวแพ้ง่าย และโรคประจำตัว

ในบ้านฉันมีทั้งเด็กซนอย่างกฤตินและผู้ใหญ่ผิวแพ้ง่าย เวลาเลือกยาฆ่าเชื้อ ฉันใช้กฎ “ปลอดภัยก่อน แรงค่อยทีหลัง” นี่คือสิ่งที่ต้องคิดให้ครบก่อนหยิบขวด

  • เด็กแรกเกิด-1 ปี: หลีกเลี่ยงไอโอดีนบนพื้นที่กว้างและเป็นเวลานาน เพราะอาจรบกวนการทำงานของไทรอยด์ ในไทยแนวทางดูแลสายสะดือปัจจุบันเน้น “ทำให้แห้ง สะอาด” ไม่ต้องทายาฆ่าเชื้อเป็นกิจวัตร ยกเว้นพื้นที่ระบาดเฉพาะ
  • ตั้งครรภ์/ให้นม: ถ้าจำเป็นต้องใช้ PVP-I ให้ใช้เฉพาะจุดและช่วงสั้นๆ ทางเลือกที่อ่อนโยนคือ CHG เจือจาง 0.05% หรือน้ำเกลือ
  • โรคไทรอยด์/แพ้ไอโอดีน/แพ้ซีฟู้ดไม่เกี่ยว: การแพ้ซีฟู้ดไม่ใช่ตัวชี้วัดแพ้ไอโอดีน แต่ถ้าเคยแพ้ PVP-I มาก่อน ให้หลีกเลี่ยง
  • ผิวแพ้ง่าย/กลากเกลื้อน: เริ่มจาก PHMB หรือ CHG เจือจาง แพตช์เทสต์บริเวณเล็กๆ ก่อน
  • ตา/หู/จมูก: หลีกเลี่ยง CHG ใกล้ตาและหูที่สงสัยแก้วหูทะลุ PVP-I มีสูตรสำหรับตาโดยเฉพาะเท่านั้น (ไม่ใช่ขวดทั่วไปจากร้านยา)
  • ช่องปาก: CHG 0.12% ใช้สั้นๆ ได้ผล แต่ทำให้รสเปลี่ยน/คราบฟันชั่วคราว อย่าใช้ต่อเนื่องนานโดยไม่จำเป็น
  • ไฟไหม้/น้ำร้อนลวกกว้าง: ไม่ทายาฆ่าเชื้อแรงเอง ไปสถานพยาบาล

เรื่องการปนเปื้อน: เปิดฝาขวดบ่อย ปลายจุกสัมผัสผิว/ก๊อซสกปรก เชื้อขึ้นได้ ฉันชอบซื้อขวดเล็กๆ และใช้ “หยดลงก๊อซสะอาด” ไม่เอาปลายขวดแตะผิวโดยตรง

การเก็บรักษา:

  • แอลกอฮอล์: ปิดฝาสนิท เก็บให้พ้นความร้อนและประกายไฟ
  • PVP-I/CHG/PHMB: เก็บที่อุณหภูมิห้อง ไม่ให้โดนแดด เช็กวันหมดอายุบนฉลาก
  • เปิดใช้แล้วนานเท่าไร: โดยทั่วไปใช้ให้หมดภายใน 6-12 เดือนหลังเปิด แต่ให้ยึดตามฉลากผลิตภัณฑ์ของคุณ

การดื้อยา? ยาฆ่าเชื้อกลุ่มนี้ไม่ได้ทำให้เกิด “ดื้อยาปฏิชีวนะแบบคลาสสิก” เท่ากับยาปฏิชีวนะ แต่การใช้พร่ำเพรื่ออาจเคลือบผิวให้ระคายเคืองและเลือกเชื้อที่อยู่รอดได้มากขึ้น หลักคือใช้เท่าที่จำเป็นและถูกจุด

ชุดปฐมพยาบาลปี 2025 + เช็กลิสต์ตัดสินใจไว (พร้อม Mini‑FAQ)

นี่คือของที่ฉันวางไว้ในกล่องปฐมพยาบาลที่บ้าน (ทำแล้วจบ ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน)

  • ยาฆ่าเชื้อตามร้านยา: PVP-I 10% ขวดเล็ก, CHG 0.05% (ล้างแผล) และเจลแอลกอฮอล์ 70%
  • สารละลายเกลือ 0.9% ซอง/ขวดเล็ก, ไซริงค์ 10-20 มล. สำหรับฉีดล้างแผล
  • ก๊อซปลอดเชื้อ, พลาสเตอร์ผ้าหรือไฮโดรคอลลอยด์หลายขนาด, เทปกาวแพทย์
  • ปิโตรเลียมเจลลี่, คีมปลายแหนบเล็ก, กรรไกร, ถุงมือสะอาด
  • ยาแก้ปวดลดไข้พาราเซตามอล, ยาแก้แพ้แบบง่วงสำหรับแมลงต่อย (เผื่อไว้)

เช็กลิสต์ 10 วินาที ก่อนแตะยา:

  • แผล “สกปรก” ไหม? ถ้าใช่ ล้างก่อนยาวๆ
  • แผล “ลึก/ยาว” ต้องเย็บไหม? ถ้าใช่ ไปพบแพทย์
  • ต้องการฆ่าเชื้อ “บนผิวแข็งแรง” หรือ “แผลเปิด”? แยกให้ชัด
  • ผู้ป่วยเป็น “เด็กเล็ก/ท้อง/ปัญหาไทรอยด์” หรือไม่? ถ้าใช่ ระวังไอโอดีน
  • ต้องการ “ถูมือเร็วๆ” ใช้แอลกอฮอล์ ไม่ใช่ PVP-I/CHG

สถานการณ์ตัวอย่าง (ฉบับบ้านๆ แต่เวิร์ก):

  • ลูกล้มถลอกเข่า: ล้างน้ำแรง 3-5 นาที แตะ PVP-I บางๆ ปิดด้วยไฮโดรคอลลอยด์ 3 วัน แผลหายสวย ไม่ทายาซ้ำทุกวัน
  • ทำกับข้าวโดนบาด: หยุดเลือด กดก๊อซ 5-10 นาที ล้างน้ำ เก็บเศษออก แตะ CHG 0.05% บางๆ ปิดแน่นพอประมาณ
  • ไปตลาด จับเงินบ่อย: เจลแอลกอฮอล์ 70% ถูให้ทั่ว 20-30 วินาที บ่อยแค่ไหนก็ได้ถ้าผิวไม่แห้ง
  • เจ็บคอระคาย: ถ้ากลั้วคอเป็น ใช้ PVP-I 1% หรือกลั้วน้ำเกลืออุ่นๆ; เด็กที่กลั้วไม่เป็น ใช้น้ำเกลือพอ

Mini‑FAQ ที่คนชอบถาม

  • ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อทุกครั้งไหม? - ไม่จำเป็น ถ้าแผลสะอาดจริงๆ ล้างน้ำแล้วปิดแผลชื้นก็พอ
  • “ยาน้ำสีแดง” ใช้ได้ไหม? - ไม่แนะนำ ของรุ่นเก่ามีสารปรอท/ระคายเคือง และไม่ดีกว่า PVP-I/CHG
  • ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ฟองฟู่ เท่ากับสะอาดกว่า? - ฟองคือแก๊ส ไม่ได้แปลว่าฆ่าเชื้อดีกว่า และทำให้เนื้อเยื่อดีเสียหาย
  • ทา PVP-I ทุกวัน แผลจะสะอาดกว่าไหม? - ไม่ แผลจะหายช้า ใช้แตะครั้งแรกๆ แล้วหันไปเน้นความชื้นและปิดแผล
  • แพ้ไอโอดีน กินทะเลได้ไหม? - การแพ้อาหารทะเลไม่เท่ากับแพ้ไอโอดีน แต่ถ้าเคยผื่นกับ PVP-I ให้เลี่ยง
  • มือถูแอลกอฮอล์แทนล้างมือได้ตลอดไหม? - ถ้าเลอะคราบ/ไขมันชัดๆ ต้องล้างด้วยสบู่และน้ำ ถ้าไม่เลอะ ใช้เจลแอลกอฮอล์ได้
  • PVP-I ทำให้ต่อมไทรอยด์รวนไหม? - ใช้เฉพาะจุด ชั่วคราว ความเสี่ยงต่ำ แต่เลี่ยงใช้กว้าง/นาน โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้มีโรคไทรอยด์
  • แผลเป็นสิว/กดสิวเอง ทาอะไรดี? - เช็ดผิวรอบๆ ด้วยแอลกอฮอล์ก่อนทำ และอย่าราดแอลกอฮอล์ลงแผล เปิดโอกาสให้แผลหายชื้นๆ

ข้อควรไปโรงพยาบาลทันที:

  • เลือดไม่หยุดภายใน 10-15 นาที แม้กดแรง
  • แผลลึกเห็นไขมัน/กล้ามเนื้อ/กระดูก หรือมีสิ่งแปลกปลอมฝังแน่น
  • อาการปวดบวมแดงร้อนลาม/มีหนอง ไข้
  • แผลจากสัตว์กัด/คนกัด แผลแทงทะลุ รองเท้าทิ่มตะปู
  • ผู้ป่วยเบาหวาน/ภูมิคุ้มกันต่ำ/ผู้สูงอายุมีแผลที่เท้า

ถ้าอยากยืนยันความถูกต้อง ลองถามเภสัชกรประจำร้านใกล้บ้าน เขาจะช่วยดูว่าแผล/ผิวของคุณเหมาะกับอะไรที่สุด ฉันเองก็เคยยืนถามนานๆ ตอนพา “กฤติน” ไปซื้อพลาสเตอร์ หลังคุยจบ เราได้กลับบ้านพร้อมขวด CHG เจือจางและไฮโดรคอลลอยด์สองซอง-ใช้จริงคุ้มจริง

อ้างอิงที่ใช้ประกอบการสรุป: แนวทางอนามัยมือ WHO (2019), แนวทาง CDC สำหรับการทำความสะอาดมือและการเตรียมผิว (อัปเดต 2024), งานทบทวน Cochrane เรื่องการล้างแผลด้วยน้ำ vs น้ำเกลือ, เอกสารความรู้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขไทย (2567) และคู่มือการดูแลแผลผิวหนังของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย (2566)

แชร์:

เขียนความคิดเห็น