blog

คุณเคยเห็นบ้านไหนที่ผนังดูเหมือนเป็นงานศิลปะ ไม่ใช่แค่สีที่ทาทับกัน แต่เป็นลวดลายที่ละเอียด นุ่มนวล แถมสัมผัสแล้วรู้สึกเหมือนกำลังสัมผัสผ้าไหมหรือหินอ่อนแท้? นั่นแหละคือ วอลเปเปอร์นำเข้า ที่ไม่ใช่แค่ของตกแต่ง แต่คือการลงทุนที่เปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นพื้นที่ที่มีชีวิต

วอลเปเปอร์นำเข้าคืออะไร? ต่างจากของในประเทศยังไง?

วอลเปเปอร์นำเข้า เป็นวอลล์เปเปอร์ที่ผลิตจากประเทศที่มีเทคโนโลยีและมาตรฐานการผลิตสูง เช่น เยอรมนี, ญี่ปุ่น, อิตาลี, ฝรั่งเศส, และเกาหลีใต้ ต่างจากวอลเปเปอร์ที่ผลิตในไทยซึ่งมักใช้วัสดุพลาสติกหรือกระดาษคุณภาพต่ำ วอลเปเปอร์นำเข้าใช้กระดาษแท้จากไม้ยุโรปที่ผ่านการฟอกอย่างละเอียด หมึกพิมพ์เป็นแบบน้ำยาอีโค่ฟรี ไม่มีสารพิษ แถมบางรุ่นยังมีชั้นกันน้ำและกันเชื้อรา

ในไทย วอลเปเปอร์ราคา 200-400 บาทต่อม้วน มักสลายตัวภายใน 2 ปี ขอบเริ่มลอก ลายจาง หรือมีคราบชื้น แต่วอลเปเปอร์นำเข้าแท้ แม้ราคาจะอยู่ที่ 800-2,500 บาทต่อม้วน แต่ใช้งานได้ 10-15 ปีโดยไม่เสื่อม ไม่บวม ไม่ร่วง ไม่เปลี่ยนสี

ทำไมวอลเปเปอร์นำเข้าถึงแพง? คุ้มไหม?

หลายคนมองว่าราคาสูงเกินไป แต่ถ้าคุณคิดในมุมของการลงทุนระยะยาว มันคุ้มกว่าที่คุณคิด

  • วัสดุ: กระดาษจากต้นไม้ยุโรปที่ปลูกแบบยั่งยืน ไม่ใช่กระดาษรีไซเคิลที่มีเส้นใยสั้น
  • การพิมพ์: ใช้เครื่องพิมพ์ระดับอุตสาหกรรมจากเยอรมนี ความละเอียดถึง 1,200 dpi ลายไม่บิดเบี้ยว แม้แต่ลายดอกไม้เล็กๆ ยังชัดเจน
  • การเคลือบ: บางแบรนด์มีชั้นเคลือบกันน้ำแบบไม่ต้องใช้พลาสติก จึงไม่กักความชื้น ไม่ทำให้ผนังเป็นเชื้อรา
  • การรับประกัน: แบรนด์อย่าง Wall&Deco, Cole & Son, Swarovski Wallpaper ให้ประกัน 10 ปี ถ้าลายจางหรือลอก สามารถติดต่อขอเปลี่ยนได้

ลองเปรียบเทียบ: คุณจ่าย 1,500 บาท ติดผนังห้องนอน 1 ห้อง ใช้งานได้ 12 ปี = ค่าใช้จ่ายรายปีแค่ 125 บาท ถ้าเทียบกับการทาสีทุก 3-4 ปี ที่ต้องจ่าย 2,000-3,000 บาทต่อครั้ง คุณจะเห็นว่ามันถูกกว่าในระยะยาว

วอลเปเปอร์นำเข้ามีกี่ประเภท? เลือกยังไงให้เหมาะกับบ้านคุณ

ไม่ใช่แค่ลายสวย วอลเปเปอร์นำเข้าแบ่งตามคุณสมบัติใช้งานจริง ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์

เปรียบเทียบประเภทวอลเปเปอร์นำเข้า
ประเภท เหมาะกับพื้นที่ จุดเด่น ราคาต่อม้วน (บาท)
วอลเปเปอร์ผ้าทอ (Textile) ห้องนอน, ห้องนั่งเล่น สัมผัสเหมือนผ้าไหมหรือผ้าลินิน ดูหรูหรา ซับเสียงได้ดี 1,800-2,500
วอลเปเปอร์กันน้ำ (Washable) ห้องครัว, ห้องน้ำ, ทางเดิน เช็ดทำความสะอาดได้ด้วยผ้าชุบน้ำ ไม่เป็นคราบไขมันหรือไอน้ำ 1,200-1,800
วอลเปเปอร์ลาย 3D (Embossed) ห้องรับแขก, ห้องทำงาน ลวดลายเป็นร่องลึก ให้ความลึกและมิติ ดูเหมือนหินหรือไม้แท้ 1,500-2,200
วอลเปเปอร์กันเชื้อรา (Anti-Mold) บ้านในเขตชื้น, ภาคใต้, คอนโด มีสารป้องกันเชื้อราในเนื้อวัสดุ ไม่ต้องพึ่งสารเคมีเพิ่ม 1,400-2,000
วอลเปเปอร์สีล้วน (Solid Color) ทุกพื้นที่, สำหรับคนชอบสไตล์มินิมอล สีเป็นธรรมชาติ ไม่จางง่าย แม้โดนแสงแดด 10 ปี 800-1,500

ถ้าคุณอยู่ในบ้านที่มีความชื้นสูง เช่น ภาคใต้หรือคอนโดมิเนียม ควรเลือกแบบกันเชื้อรา ไม่ใช่แค่แบบกันน้ำ เพราะเชื้อราเจริญจากความชื้นในผนัง ไม่ใช่แค่บนผิว

วอลเปเปอร์กันน้ำในห้องครัวที่น้ำหยดไม่ซึมและเช็ดออกได้ง่าย ลายดอกไม้ชัดเจน

วิธีเช็คของแท้ก่อนซื้อ อย่าโดนหลอก

ตลาดไทยมีวอลเปเปอร์นำเข้าปลอมเยอะมาก ขายในราคาถูกกว่า 30-50% แต่คุณภาพไม่ต่างจากกระดาษทิชชู่

  • เช็คตราสินค้า: ของแท้มีโลโก้และเลขรุ่นบนม้วน ต้องมีชื่อแบรนด์ชัดเจน เช่น Wall&Deco, Farrow & Ball, Zoffany ไม่ใช่แค่คำว่า "European Design"
  • สัมผัสเนื้อวัสดุ: ของแท้หนา น้ำหนักดี ไม่ยืดง่าย ถ้าดึงเบาๆ แล้วยืดเหมือนพลาสติก ให้สงสัยทันที
  • ดูรายละเอียดลาย: ลายของแท้ไม่มีจุดบกพร่อง ไม่มีสีซีดหรือขอบลายไม่ชัด ถ้าเห็นจุดสีผิดเพี้ยน แสดงว่าพิมพ์ด้วยเครื่องราคาถูก
  • ขอใบรับรอง: ผู้ขายที่น่าเชื่อถือจะให้เอกสารนำเข้าจากบริษัทต้นทาง หรือใบรับรองมาตรฐาน CE, ISO 14001

อย่าซื้อจาก Facebook Marketplace หรือร้านที่ไม่มีหน้าร้านจริง วอลเปเปอร์นำเข้าแท้ไม่มีใครขายแบบนั้น เพราะต้นทุนสูงและต้องมีการจัดเก็บควบคุมอุณหภูมิ

ติดตั้งยังไงให้ไม่เสียเงินเปล่า

วอลเปเปอร์นำเข้าราคาแพง แต่ถ้าติดผิดวิธี อาจเสียหายได้ทั้งม้วน

  1. ผนังต้องแห้งสนิท ไม่มีคราบน้ำหรือเชื้อรา ถ้ามี ต้องขัดออกและทากันเชื้อราเฉพาะที่ก่อนติด
  2. ใช้กาวเฉพาะสำหรับวอลเปเปอร์นำเข้า ห้ามใช้กาวทั่วไปหรือกาวติดกระเบื้อง
  3. ตัดวอลเปเปอร์ให้ยาวกว่าผนัง 5-10 ซม. เพื่อตัดทิ้งทีหลัง
  4. ใช้ไม้พืดไม้หรือฟองน้ำนุ่มในการรีดอากาศออก อย่าใช้ของแข็ง เพราะจะขีดข่วนผิว
  5. อย่าเปิดพัดลมหรือแอร์แรงๆ ขณะติด เพราะจะทำให้แห้งเร็วเกินไป ขอบลอก

ถ้าคุณไม่มั่นใจ ให้จ้างช่างที่เคยติดวอลเปเปอร์นำเข้ามาก่อน อย่าใช้ช่างที่เคยติดแต่กระดาษทั่วไป เพราะเทคนิคต่างกัน

เปรียบเทียบวอลเปเปอร์ทั่วไปที่ลอกจางกับวอลเปเปอร์นำเข้าที่คงความสวยงามนาน 10 ปี

วอลเปเปอร์นำเข้าเหมาะกับใคร?

ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องใช้ แต่เหมาะกับคนที่:

  • ต้องการพื้นที่อยู่อาศัยที่เงียบ ไม่รู้สึกว่าผนังเป็นแค่ผิวสี
  • มีงบประมาณพอ แต่ไม่อยากจ่ายซ้ำทุก 3 ปี
  • อยู่ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง หรือมีเด็กเล็ก ต้องการวัสดุปลอดสารพิษ
  • ต้องการสร้างจุดเด่นให้บ้าน ไม่ใช่แค่ตกแต่งให้สวย

ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเปลี่ยนสไตล์บ้านทุกปี วอลเปเปอร์นำเข้าอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะมันไม่ใช่ของใช้ชั่วคราว แต่คือการสร้างพื้นฐานที่มีคุณค่า

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

  • อย่าเลือกลายใหญ่ในห้องเล็ก อาจทำให้รู้สึกอึดอัด
  • อย่าติดวอลเปเปอร์กันน้ำในห้องนอนที่ไม่มีความชื้น เพราะจะดูเกินความจำเป็น
  • อย่าซื้อแบบสีขาวล้วนถ้าคุณมีสัตว์เลี้ยง หรือเด็กเล็ก เพราะคราบจะเห็นชัด
  • อย่าซื้อจากเว็บไซต์ต่างประเทศโดยไม่ตรวจสอบค่าขนส่งและภาษีนำเข้า บางทีคุณอาจจ่ายมากกว่าที่คิดถึง 30%

วอลเปเปอร์นำเข้าสามารถติดในห้องน้ำได้จริงไหม?

ได้ แต่ต้องเป็นแบบที่ระบุว่า "กันน้ำ" หรือ "Washable" เท่านั้น ไม่ใช่แค่ "กันความชื้น" หรือ "ทนน้ำ" ที่เป็นคำโฆษณาหลอก วอลเปเปอร์กันน้ำแท้สามารถเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำได้โดยไม่เสียหาย แต่ต้องไม่ติดบริเวณที่โดนน้ำกระเซ็นโดยตรง เช่น ใกล้ฝักบัว ควรติดห่างอย่างน้อย 30 ซม.

วอลเปเปอร์นำเข้าสามารถติดทับวอลเปเปอร์เดิมได้ไหม?

ไม่แนะนำ วอลเปเปอร์นำเข้ามีน้ำหนักมากกว่าวอลเปเปอร์ทั่วไป ถ้าติดทับวัสดุเก่าที่เริ่มหลุดหรือมีความชื้น จะทำให้ติดไม่แน่นและลอกเร็ว ควรลอกวอลเปเปอร์เก่าออกให้หมด แล้วทำความสะอาดผนังก่อนติดใหม่

มีวอลเปเปอร์นำเข้าราคาถูกกว่านี้ไหม?

มี แต่ไม่ใช่ของแท้ วอลเปเปอร์ราคาต่ำกว่า 800 บาทต่อม้วนที่อ้างว่า "นำเข้า" มักเป็นของจีนที่พิมพ์ลายแบบยุโรป แล้วเรียกตัวเองว่า "สไตล์ยุโรป" วัสดุไม่ต่างจากกระดาษทิชชู่ ใช้งานได้ไม่เกิน 1 ปี อย่าหลงเชื่อคำว่า "ของแท้ราคาถูก" เพราะไม่มีในโลกจริง

วอลเปเปอร์นำเข้ามีสีให้เลือกเยอะไหม?

มีมากกว่า 2,000 สีจากแบรนด์อย่าง Farrow & Ball ที่พัฒนาสีเฉพาะของตัวเอง ไม่ใช่สีมาตรฐานทั่วไป สีของแท้มีความลึกและมิติ ไม่ใช่สีแบนๆ ที่ดูเหมือนพลาสติก คุณสามารถขอตัวอย่างสี (Sample) ได้ฟรีจากผู้ขายที่เชื่อถือได้

วอลเปเปอร์นำเข้าติดแล้วจะดูแพงเกินไปไหมในบ้านธรรมดา?

ไม่เลย วอลเปเปอร์นำเข้าช่วยเสริมความหรูหราให้กับบ้านทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านสไตล์มินิมอล, ไทยประยุกต์, หรือคลาสสิก คุณไม่ต้องเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด แค่เปลี่ยนผนัง บ้านก็เปลี่ยนทันที แต่ต้องเลือกลายที่เข้ากับพื้นที่ ไม่ใช่เลือกแค่ลายที่สวยที่สุด

สรุป: วอลเปเปอร์นำเข้าคือการลงทุน ไม่ใช่การซื้อของ

คุณไม่ได้ซื้อวอลเปเปอร์ คุณกำลังซื้อความสงบ ความมั่นคง และความสวยงามที่ไม่ต้องเปลี่ยนทุกปี

มันคือการเลือกที่จะไม่ยอมรับสิ่งที่ดูดีแค่ในตอนแรก แต่พังในไม่กี่เดือน คุณเลือกสิ่งที่อยู่กับคุณนาน แม้จะเริ่มต้นด้วยค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่คุณจะไม่ต้องกลับมาซื้อใหม่ ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเสียเงินซ้ำ

ถ้าคุณกำลังจะตกแต่งบ้าน และอยากให้มันดูดีไม่ใช่แค่ในปีนี้ แต่ในอีก 10 ปีข้างหน้า วอลเปเปอร์นำเข้าคือคำตอบที่คุณไม่ควรข้ามไป

แชร์:

เขียนความคิดเห็น