blog

บ้านในประเทศไทยมักเจอปัญหาความชื้นสูง แม้จะไม่ได้อยู่ริมทะเล ห้องน้ำ ห้องครัว หรือแม้แต่ผนังด้านหลังบ้านก็มักเปียกชื้น ผนังเริ่มดำ ขึ้นรา วอลเปเปอร์ลอกเป็นแผ่น หรือสีซีดจางจนดูเก่าก่อนเวลาอันควร หลายคนคิดว่าต้องใช้สีกันชื้นเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว วอลเปเปอร์ติดผนังกันชื้น ที่เลือกถูกชนิด สามารถแก้ปัญหานี้ได้ดีกว่าสีหลายเท่า

วอลเปเปอร์กันชื้นคืออะไร ต่างจากวอลเปเปอร์ทั่วไปยังไง

วอลเปเปอร์กันชื้นไม่ใช่แค่วอลเปเปอร์ที่มีพื้นผิวเงาหรือสีเข้มๆ แต่เป็นวัสดุที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อต้านทานความชื้นและป้องกันการขึ้นรา ตัววอลเปเปอร์ที่ดีจะมีชั้นป้องกันน้ำด้านหลังหรือเคลือบด้วยสารกันซึมแบบยืดหยุ่น ไม่ดูดซับน้ำเหมือนวอลเปเปอร์กระดาษธรรมดา

วอลเปเปอร์ทั่วไปทำจากกระดาษหรือผ้าใยสังเคราะห์บางๆ พอเจอความชื้น น้ำจะซึมเข้าไปในเส้นใย ทำให้เกิดเชื้อรา ผนังเปียก แล้ววอลเปเปอร์ก็เริ่มลอก บวม หรือเปลี่ยนสี แต่วอลเปเปอร์กันชื้นส่วนใหญ่จะใช้วัสดุหลักเป็น PVC (โพลีไวนิลคลอไรด์) หรือผ้าทอที่เคลือบด้วยฟิล์มกันน้ำ บางรุ่นยังผสมสารต้านเชื้อรา (anti-microbial) ที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของรา

ประเภทวอลเปเปอร์กันชื้นที่ใช้ได้จริงในบ้านไทย

ไม่ใช่วอลเปเปอร์ทุกชนิดที่เรียกว่า "กันชื้น" จะใช้ได้ดีในสภาพอากาศเมืองไทย ต่อไปนี้คือประเภทที่ผ่านการทดสอบจริงในบ้านที่มีปัญหาความชื้น

  • วอลเปเปอร์ PVC แบบไม่ซึมผ่านน้ำ - ทนน้ำได้ดีที่สุด ใช้ได้ทั้งห้องน้ำ ห้องครัว หรือผนังด้านนอกที่โดนแดดและฝน สามารถเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำได้เลย
  • วอลเปเปอร์ผ้าทอเคลือบกันน้ำ - มีพื้นผิวเหมือนผ้า แต่มีฟิล์มกันน้ำด้านหลัง ดูหรู ไม่แข็งเหมือน PVC แต่ราคาสูงกว่า
  • วอลเปเปอร์ไมโครไฟเบอร์กันเชื้อรา - เหมาะสำหรับห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นที่มีความชื้นปานกลาง บางยี่ห้อมีสารสกัดจากธรรมชาติช่วยยับยั้งเชื้อรา
  • วอลเปเปอร์แบบกันน้ำแบบผิวเรียบ (Non-woven waterproof) - ผสมผ้าใยสังเคราะห์กับพลาสติก ไม่ยืด ไม่หด ติดง่าย ไม่ต้องใช้กาวเยอะ ใช้ได้ทั้งในและนอกอาคาร

หลีกเลี่ยงวอลเปเปอร์กระดาษทั่วไป แม้จะมีลายสวย แต่ในสภาพอากาศชื้นของไทย มันจะพอง ลอก และกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อราในที่สุด

จุดที่ควรใช้วอลเปเปอร์กันชื้นในบ้าน

ไม่ใช่แค่ห้องน้ำที่ต้องใช้ ลองดูจุดเหล่านี้ในบ้านคุณ:

  • ห้องน้ำ - จุดเสี่ยงสูงสุด น้ำกระเด็น ไอน้ำระเหย ความชื้นสะสม วอลเปเปอร์กันชื้นช่วยลดการขึ้นราที่มุมผนังและพื้นที่รอบอ่างล้างหน้า
  • ห้องครัว - ไอน้ำจากหม้อต้ม น้ำมันกระเด็น ความชื้นจากซิงค์ล้างจาน วอลเปเปอร์กันน้ำช่วยป้องกันคราบไขมันและเชื้อราที่มักเกิดใกล้เตา
  • ผนังด้านหลังบ้าน - ถ้าบ้านคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีลมพัดแรงหรือมีต้นไม้หนาแน่น ผนังด้านหลังมักเปียกชื้นจากน้ำค้างหรือฝนสาด
  • ห้องใต้หลังคา - บ้านชั้นเดียวหรือบ้านหลังเล็กในเมืองที่มีหลังคาไม่ระบายดี ความชื้นสะสมใต้หลังคา ทำให้ผนังด้านบนเปียก
  • ห้องซักผ้า - ที่นี่มีทั้งน้ำ ไอน้ำ และความชื้นจากผ้าเปียก วอลเปเปอร์กันชื้นช่วยให้ผนังไม่บวมหรือหลุดล่อน
เปรียบเทียบวอลเปเปอร์ทั่วไปที่ลอกและขึ้นรา กับวอลเปเปอร์กันชื้นที่สะอาดทนทานในห้องครัว

วิธีเลือกวอลเปเปอร์กันชื้นให้เหมาะกับบ้านคุณ

ไม่ใช่แค่ดูว่า "กันชื้น" หรือไม่ แต่ต้องดูรายละเอียดให้ละเอียด

  1. ตรวจสอบฉลาก - ต้องมีคำว่า "Waterproof", "Anti-Mold", "สำหรับห้องชื้น" หรือ "ทนความชื้นสูง" อย่างชัดเจน
  2. ดูความหนาของวัสดุ - วอลเปเปอร์กันชื้นที่ดีจะมีความหนาอย่างน้อย 0.2 มม. ถ้าสัมผัสแล้วรู้สึกบางเหมือนกระดาษ ให้คิดใหม่
  3. ทดสอบกับน้ำ - ถ้าร้านให้ตัวอย่าง หยดหยดน้ำบนผิว ถ้าเป็นวอลเปเปอร์กันน้ำ น้ำจะเป็นเม็ดกลมๆ ไม่ซึม
  4. ดูการรับรอง - บางแบรนด์มีมาตรฐาน ISO หรือการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์บริการ ว่าไม่มีสารพิษและทนต่อเชื้อรา
  5. เลือกสีอ่อนๆ หรือลายละเอียด - สีเข้มจะทำให้คราบราเห็นชัด ลายละเอียดช่วยซ่อนรอยแตกหรือรอยน้ำที่อาจเกิดขึ้น

วิธีติดตั้งให้ได้ผลดีที่สุด

แม้จะเลือกวอลเปเปอร์กันชื้นที่ดีที่สุด แต่ถ้าติดผิดวิธี ยังไงก็พัง

  • ต้องเตรียมผนังให้แห้งสนิท - ใช้เครื่องเป่าลมหรือพัดลมเป่าผนังอย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนติด ถ้าผนังยังเปียก วอลเปเปอร์จะไม่ติด หรือจะขึ้นราใต้ผิว
  • ใช้กาวเฉพาะสำหรับวอลเปเปอร์กันน้ำ - อย่าใช้กาวทั่วไป ต้องใช้กาวที่ระบุว่า "สำหรับวอลเปเปอร์กันน้ำ" หรือ "กาวกันชื้น"
  • หลีกเลี่ยงการติดใกล้แหล่งน้ำโดยตรง - อย่าติดวอลเปเปอร์ไว้ใต้ก๊อกน้ำหรือด้านหลังฝักบัว ควรเว้นระยะอย่างน้อย 10-15 ซม. แล้วใช้แผ่นกระจกหรือเซรามิกปิดทับ
  • ปิดรอยต่อให้มิดชิด - ใช้ซิลิโคนกันน้ำปิดรอยต่อระหว่างวอลเปเปอร์กับพื้น หรือมุมผนัง เพื่อป้องกันน้ำซึมเข้าไปด้านใน
  • ไม่ติดในวันฝนตก - ความชื้นในอากาศสูงจะทำให้กาวแห้งช้า วอลเปเปอร์อาจบวมหรือหลุด
ผนังด้านหลังบ้านไทย ด้านซ้ายเปียกชื้นขึ้นเชื้อรา ด้านขวาใช้วอลเปเปอร์กันน้ำป้องกันความชื้น

การดูแลรักษาวอลเปเปอร์กันชื้น

วอลเปเปอร์กันชื้นไม่ได้ "ไม่ต้องดูแล" แต่ดูแลง่ายกว่ามาก

  • เช็ดฝุ่นด้วยผ้าแห้งหรือไม้กวาดขนนุ่มสัปดาห์ละครั้ง
  • ถ้ามีคราบสกปรก ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดเบาๆ ห้ามใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีสารเคมีรุนแรง
  • เปิดพัดลมระบายอากาศในห้องน้ำหลังใช้งานทุกครั้ง
  • ตรวจสอบมุมผนังเดือนละครั้ง ถ้าเห็นจุดดำเล็กๆ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนๆ เช็ดทันที
  • ถ้ามีรอยรั่วจากท่อหรือหลังคา แก้ไขทันที - วอลเปเปอร์กันชื้นไม่ใช่ตัวกันน้ำหลัก แต่เป็นเกราะป้องกันที่สอง

วอลเปเปอร์กันชื้น vs สีกันชื้น: อะไรดีกว่า

หลายคนยังเลือกสีกันชื้นเพราะคิดว่าถูกกว่า แต่ลองเปรียบเทียบจริงๆ

เปรียบเทียบวอลเปเปอร์กันชื้นกับสีกันชื้น
คุณสมบัติ วอลเปเปอร์กันชื้น สีกันชื้น
ความทนทานต่อความชื้น สูงมาก - ป้องกันน้ำซึมได้จริง ปานกลาง - ป้องกันได้เฉพาะผิว
ต้านเชื้อรา มีสารป้องกันในวัสดุ ต้องผสมสารในสี บางยี่ห้อไม่มี
อายุการใช้งาน 8-15 ปี 3-7 ปี
การซ่อมแซม ตัดชิ้นใหม่ปะแทนได้ ต้องทาทับทั้งผนัง
ความสวยงาม ลายละเอียด ดูหรู หลากหลาย สีเรียบ ลวดลายจำกัด
ราคาต่อตารางเมตร 200-600 บาท 80-200 บาท

ถ้าคุณอยากได้ผนังที่สวย ทนนาน และไม่ต้องมาเปลี่ยนทุก 3 ปี วอลเปเปอร์กันชื้นคือทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว

ข้อควรระวังที่หลายคนมองข้าม

มีหลายกรณีที่คนติดวอลเปเปอร์กันชื้นแล้วพังเร็ว เพราะทำผิดขั้นตอน

  • ติดบนผนังที่มีคราบเชื้อราอยู่แล้ว - ต้องล้างและฆ่าเชื้อราให้หมดก่อน ไม่งั้นราจะขึ้นใต้วอลเปเปอร์
  • ใช้กาวทั่วไป - กาวธรรมดาจะย่อยสลายเมื่อเจอความชื้น ทำให้วอลเปเปอร์หลุด
  • ติดในห้องที่ไม่มีการระบายอากาศ - ถ้าห้องน้ำไม่มีพัดลม วอลเปเปอร์กันชื้นก็ไม่สามารถต้านความชื้นได้ตลอดเวลา
  • เลือกสีขาวหรือสีอ่อนมาก - ในห้องชื้น สีอ่อนจะแสดงคราบราและคราบน้ำได้ชัดเจน ควรเลือกสีกลางๆ หรือลายละเอียด

วอลเปเปอร์กันชื้นสามารถติดในห้องน้ำได้เลยหรือไม่?

ได้ แต่ต้องเลือกประเภท PVC หรือผ้าทอเคลือบกันน้ำเท่านั้น ห้ามใช้วอลเปเปอร์กระดาษหรือผ้าธรรมดา ควรติดห่างจากแหล่งน้ำโดยตรงอย่างน้อย 10-15 ซม. และต้องมีพัดลมระบายอากาศทำงานสม่ำเสมอ

วอลเปเปอร์กันชื้นราคาเท่าไหร่?

ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 200-300 บาทต่อตารางเมตรสำหรับแบบ PVC ทั่วไป ถ้าเป็นผ้าทอเคลือบหรือลายพิมพ์พิเศษ ราคาอาจอยู่ที่ 400-600 บาทต่อตารางเมตร ราคาสูงกว่าสีกันชื้น แต่ใช้งานได้นานกว่า 2-3 เท่า

วอลเปเปอร์กันชื้นติดได้บนผนังที่เป็นอิฐเปลือยหรือไม่?

ติดได้ แต่ต้องเคลือบผิวผนังด้วยสารกันซึมก่อน แล้วใช้กาวเฉพาะสำหรับวอลเปเปอร์กันน้ำ ผนังอิฐต้องแห้งสนิทและไม่มีคราบเกลือหรือฝุ่นเกาะ ถ้าผนังมีรอยรั่ว ต้องซ่อมก่อนติดวอลเปเปอร์

ถ้าวอลเปเปอร์เริ่มลอก ต้องเปลี่ยนทั้งผนังไหม?

ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งผนัง ถ้าลอกแค่บางส่วน ตัดชิ้นวอลเปเปอร์ใหม่ที่มีลายเหมือนกันมาปะแทนได้ ต้องแน่ใจว่ากาวที่ใช้ติดใหม่เป็นกาวกันน้ำเดียวกัน และเช็ดผิวให้สะอาดก่อนติด

วอลเปเปอร์กันชื้นปลอดภัยกับเด็กเล็กหรือไม่?

วอลเปเปอร์กันชื้นที่ผ่านการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์บริการหรือมีฉลาก Eco-Label ถือว่าปลอดภัยสำหรับเด็กและผู้แพ้ง่าย เพราะไม่ปล่อยสารพิษและมีสารต้านเชื้อราที่ปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงวอลเปเปอร์ราคาถูกที่ไม่มีฉลากหรือไม่ระบุวัสดุ

14 ความคิดเห็น

  1. Worakarn Jaidee

    จริงๆ แล้วก็เคยติดวอลเปเปอร์ธรรมดาในห้องน้ำ แค่ 6 เดือนก็ลอกเป็นแผ่นเลย ตอนนั้นคิดว่าแค่เปียกนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ผนังขึ้นราดำๆ จนต้องขูดออกทิ้งหมด ตอนนี้เปลี่ยนเป็น PVC ไปแล้ว ไม่มีปัญหาเลย แถมเช็ดง่ายด้วย

  2. ราเกส ดูเบย์

    ก็ใช่เลย ต้องเลือกให้ดี อย่าคิดว่าถูกคือดี บ้านผมเคยซื้อแบบราคาถูกมา แค่ 3 เดือนก็เริ่มบวม ตอนนี้เปลี่ยนเป็นแบบที่เขาแนะนำในบทความนี้ ใช้มาปีกว่าแล้ว ยังเหมือนใหม่

  3. อัมพร แก่นรอด

    การเลือกวัสดุตกแต่งภายในบ้านควรคำนึงถึงคุณภาพและความทนทานเป็นหลัก ไม่ควรลดต้นทุนในสิ่งที่สัมพันธ์กับสุขภาพของผู้อยู่อาศัย วอลเปเปอร์กันชื้นที่มีมาตรฐานการผลิตที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจอย่างมาก

  4. วรรณพร โพโส

    ผมชอบที่เขาบอกเรื่องการทดสอบน้ำหยดบนผิว ลองทำตามจริงๆ แล้วเห็นผลชัดเจนเลย บางอันน้ำซึมเข้าทันที บางอันเป็นเม็ดๆ อยู่บนผิว แล้วก็อย่าลืมเรื่องกาวนะ ใช้กาวธรรมดาเหมือนติดวอลเปเปอร์ปกติ ไม่ได้เลย ต้องเป็นกาวเฉพาะแบบกันน้ำเท่านั้น

  5. pakamas mayota

    เพื่อนๆ อย่ารอให้ผนังขึ้นราแล้วค่อยแก้ ทำเลยตอนเริ่มตกแต่งบ้าน! ติดวอลเปเปอร์กันชื้นตอนแรกเลย ถึงจะแพงกว่าสีสักหน่อย แต่คุ้มกว่าเยอะ เพราะไม่ต้องมาเสียเงินซ่อมทุก 2-3 ปี ผนังสวยอยู่ได้นาน ไม่ต้องทนดูรอยดำๆ ที่ขึ้นตามมุมห้อง

  6. เม อา

    การใช้วอลเปเปอร์กันชื้นในห้องครัวนั้นเป็นการเสี่ยงเกินไป เพราะแม้จะกันน้ำได้ แต่คราบไขมันที่สะสมจะทำให้พื้นผิวเสื่อมเร็วขึ้น ควรใช้กระเบื้องหรือแผ่นสแตนเลสแทน วอลเปเปอร์เหมาะกับห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นเท่านั้น

  7. Issariya Manakongtreecheep

    เคยติดแบบไมโครไฟเบอร์ในห้องนอน ดูดีมาก แต่พอเปิดแอร์นานๆ ผนังด้านหลังเริ่มมีหยดน้ำเกาะ ตอนแรกคิดว่าไม่เป็นไร แต่เดือนที่สองเริ่มมีจุดดำเล็กๆ ต้องใช้ผ้าชุบน้ำสบู่เช็ดทุกสัปดาห์ ตอนนี้เลยเปลี่ยนเป็น PVC แทน ไม่ต้องดูแลเยอะแบบนี้

  8. ศิริญา ผาดำ

    ถ้าจะติดห้องน้ำ อย่าลืมเปิดพัดลมทุกครั้งหลังอาบน้ำนะ ไม่งั้นวอลเปเปอร์ดีแค่ไหนก็พัง แค่เปิด 15 นาทีก็ช่วยลดความชื้นได้เยอะมาก

  9. ชัยยะ เกลี้ยงทอง

    บทความนี้ดูดี แต่คุณรู้ไหมว่า วอลเปเปอร์กันชื้นส่วนใหญ่ทำจาก PVC ซึ่งเป็นพลาสติกที่ไม่ย่อยสลาย แถมยังปล่อยสารพิษเมื่อโดนความร้อนสูง คุณจะยอมเสี่ยงสุขภาพของลูกคุณเพื่อความสวยของผนังหรือ? ควรใช้กระเบื้องหรือปูนปั้นแบบดั้งเดิมดีกว่า ซึ่งไม่มีสารเคมีอันตรายเลย

  10. Chanikan Kanchanasalee

    ผมใช้วอลเปเปอร์ผ้าทอเคลือบกันน้ำในห้องน้ำ ดูหรู ไม่เหมือน PVC ที่ดูเหมือนห้องอาบน้ำในโรงพยาบาล แต่ต้องระวังเรื่องกาวมาก ใช้กาวผิดแบบเดียว ผนังก็หลุดทั้งแผ่น ตอนนี้ติดมา 1 ปีแล้ว ยังดีอยู่

  11. เมธี ชัยศรีบุรี

    คุณคิดว่าติดวอลเปเปอร์กันชื้นแล้วจะไม่มีรา? ไม่จริงนะ มันแค่ช้าลง แต่ถ้าห้องไม่มีระบายอากาศ ราจะขึ้นใต้ผิววอลเปเปอร์แบบที่คุณไม่เห็นจนกว่าจะลอกแล้วเจอเป็นกองดำๆ ทั้งผนัง

  12. Thanunya Inchuay

    วอลเปเปอร์กันชื้นราคา 600 บาทต่อตารางเมตร? แล้วคุณคิดว่าคนทั่วไปจะจ่ายได้ไหม? ถ้าจะให้ดี ควรส่งเสริมให้ใช้สีกันชื้นที่ถูกกว่าและใช้งานได้จริง ไม่ต้องตกแต่งให้หรูหราจนเกินตัว

  13. surasak boonsit

    ผมใช้แบบ Non-woven waterproof ติดที่ผนังด้านหลังบ้าน โดนฝนสาดบ่อย แต่ยังอยู่ดี ไม่มีลอก ไม่มีขึ้นรา แค่ต้องเตรียมผนังให้แห้งก่อนติด ถ้าไม่แห้ง รับรองว่าพังแน่นอน

  14. Kitti Almási

    วอลเปเปอร์กันชื้นคือสิ่งที่เรียกว่า 'passive moisture management system' ที่ทำงานร่วมกับการระบายอากาศในระบบบ้านสมัยใหม่ ไม่ใช่แค่ของตกแต่ง แต่เป็นส่วนหนึ่งของ 'indoor environmental quality' ที่ต้องออกแบบอย่างมีวิทยาศาสตร์

เขียนความคิดเห็น